ซฺยงหนู
ซฺยงหนู ตามสำเนียงกลาง หรือ เฮงโน้ว ตามสำเนียงฮกเกี้ยน (จีน: 匈奴; พินอิน: Xiōngnú)[8] เป็นสมาพันธ์ชนเผ่า[9] ของชนร่อนเร่ที่ข้อมูลจีนสมัยโบราณบันทึกว่าอาศัยอยู่ในบริเวณทุ่งหญ้ายูเรเชียตะวันออกในศตวรรษที่ 3 ถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1 มั่วตู๋ฉาน-ยฺหวี ผู้นำสูงสุดในช่วงหลัง 209 ปีก่อนคริสตกาล เป็นผู้สถาปนา จักรวรรดิซฺยงหนู ขึ้น[10]
ซฺยงหนู | |||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล–คริสต์ศตวรรษที่ 1 | |||||||||||||||||||||||||
ดินแดนซฺยงหนูในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล (ก่อนสงครามฮั่น–ซฺยงหนูใน 133 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 89): โดยรวมมองโกเลีย คาซัคสถานตะวันออก คีร์กีซสถานตะวันออก ไซบีเรียใต้ และจีนตอนเหนือบางส่วน เช่น แมนจูเรียตะวันตก, ซินเจียง, มองโกเลียใน และมณฑลกานซู่[1][2][3][4] | |||||||||||||||||||||||||
เมืองหลวง | หลงเฉิง[5] | ||||||||||||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | ซฺยงหนู | ||||||||||||||||||||||||
ศาสนา | เชมัน, ลัทธิเทงรี | ||||||||||||||||||||||||
การปกครอง | สมาพันธรัฐชนเผ่า | ||||||||||||||||||||||||
ฉาน-ยฺหวี | |||||||||||||||||||||||||
• 220 - 209 ปีก่อนคริสตกาล | โถวม่าน | ||||||||||||||||||||||||
• 209 - 174 ปีก่อนคริสตกาล | มั่วตู๋ | ||||||||||||||||||||||||
• 174 - 161 ปีก่อนคริสตกาล | เหล่าช่าง | ||||||||||||||||||||||||
• ค.ศ. 46 | อูต๋าตีโหว | ||||||||||||||||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | โบราณ | ||||||||||||||||||||||||
• ก่อตั้ง | ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล | ||||||||||||||||||||||||
• สิ้นสุด | คริสต์ศตวรรษที่ 1 | ||||||||||||||||||||||||
|
ซฺยงหนู | |||||||||||||||||||||||||||||
ภาษาจีน | 匈奴 | ||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
หลังโค่นล้มเยฺว่จือ เจ้าอธิราชกลุ่มก่อนหน้า[11] ซฺยงหนูจึงมีอำนาจเหนือทุ่งหญ้าในเอเชียตะวันออกซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ในที่ราบสูงมองโกเลีย พวกซฺยงหนูยังมีบทบาทในพื้นที่ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของไซบีเรีย มองโกเลียใน มณฑลกานซู่ และมณฑลซินเจียง ความสัมพันธ์กับราชวงศ์จีนที่ติดกันทางใต้-ตะวันออกนั้นซับซ้อน สลับกันระหว่างช่วงเวลาทั้งสันติภาพ สงคราม และการปราบปรามในช่วงต่าง ๆ ท้ายที่สุดพวกซฺยงหนูพ่ายแพ้ต่อราชวงศ์ฮั่นในความขัดแย้งนานนับศตวรรษ ซึ่งนำไปสู่การแบ่งสมาพันธรัฐออกเป็นสองส่วน และบีบให้เกิดการย้ายถิ่นฐานใหม่ของชาวซฺยงหนูในชายแดนฮั่นจำนวนมาก ในสมัยสิบหกรัฐ พวกซฺยงหนู ซึ่งกลายเป็นหนึ่งใน "ห้าชนเผ่า" ได้ก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นจ้าว เป่ย์เหลียง และหูเซี่ยในจีนตอนเหนือ
ความพยายามเชื่อมโยงซฺยงหนูเข้ากับชาว Sakas และซาร์เมเชียน ในบริเวณใกล้เคียง เคยเป็นที่โต้แย้งมาก่อน กระทั่งข้อมูลทางพันธุศาสตร์เชิงโบราณคดียืนยันว่า กลุ่มชนดังกล่าวมีปฏิสัมพันธ์กับซฺยงหนู และยังมีความสัมพันธ์กับชาวฮัน อัตลักษณ์แกนกลางทางชาติพันธุ์ของซฺยงหนูนั้นเป็นแต่สมมติฐานกันไปในหลายทาง เพราะมีศัพท์ภาษาซฺยงหนูเพียงไม่กี่คำหลงเหลืออยู่ในแหล่งข้อมูลภาษาจีน ส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งและชื่อบุคคล คำว่า ซฺยงหนู อาจเป็นคำร่วมเชื้อสายกับชื่อของชาว Hun หรือ Huna หรือทั้งสอง[12][13][14] แม้ว่าจะมีข้อถกเถียงก็ตาม[15][16] นักวิชาการหลายคนเสนอความเชื่อมโยงอื่น ๆ ในทางภาษาศาสตร์ (ซึ่งทั้งหมดก็เป็นที่โต้แย้ง) ได้แก่ เตอร์กิก,[17][18][19][20][21][22] อิหร่าน,[23][24][25] มองโกล,[26] ยูรัล,[27] เยนีเซย์[15][28][29][30] หรือหลากชาติพันธุ์[31]
ชื่อ
ชื่อซฺยงหนูในภาษาจีนเป็นคำเหยียดอยู่ในตัว เนื่องจากอักษร "匈奴" (ซฺยงหนู) มีความหมายตรงตัวว่า "ทาสที่ดุร้าย"[32] การอ่านออกเสียง "匈奴" ว่า "ซฺยงหนู" [ɕjʊ́ŋnǔ] เป็นการอ่านออกเสียงตามสำเนียงจีนกลางสมัยใหม่โดยอิงจากสำเนียงจีนกลางที่ใช้อยู่ในปักกิ่งปัจจุบัน ซึ่งมีอายุไม่ถึง 1,000 ปีก่อน ส่วนการอ่านออกเสียงตามสำเนียงจีนเก่านั้น ได้รับการปะติดปะต่อขึ้นใหม่ว่า ได้แก่ *xiuoŋ-na หรือ *qhoŋna[33]
ประวัติ
ความสำคัญ
อ้างอิง
เชิงอรรถ
ข้อมูล
- ปฐมภูมิ
- Ban Gu et al., Book of Han, esp. vol. 94, part 1, part 2.
- Fan Ye et al., Book of the Later Han, esp. vol. 89.
- Sima Qian et al., Records of the Grand Historian, esp. vol. 110.
- ข้อมูลอ้างอิงอื่น ๆ
แหล่งข้อมูลอื่น
- Material Culture presented by University of Washington
- Encyclopedic Archive on Xiongnu
- The Xiongnu Empire
- The Silk Road Volume 4 Number 1
- The Silk Road Volume 9
- Gold Headdress from Aluchaideng
- Belt buckle, Xiongnu type, 3rd–2nd century B.C.
- Videodocumentation: Xiongnu – the burial site of the Hun prince (Mongolia)
- The National Museum of Mongolian History :: Xiongnu