คัมภีร์ไบเบิล

การรวบรวมหนังสือศักดิ์สิทธิ์ในยูไดและศาสนาคริสต์
(เปลี่ยนทางจาก ไบเบิล)

คัมภีร์ไบเบิล[1] หรือ พระคัมภีร์ (อังกฤษ: Bible; ฮีบรู: ביבליה; แอราเมอิก: ܟܬܒܐ ܩܕܝܫܐ; กรีก: Αγία Γραφή) (มาจากภาษากรีกโบราณว่า Βίβλος บิบลิออน แปลว่า หนังสือ) ชาวโปรเตสแตนต์เรียกว่า พระคริสตธรรมคัมภีร์ (Holy Bible) เป็นหนังสือที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพระยาห์เวห์ มนุษย์ บาป และแผนการของพระยาห์เวห์ในการช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความพินาศอันเนื่องจากความบาปสู่ชีวิตนิรันดร์ เป็นหนังสือที่บันทึกหลักธรรมคำสอนของศาสนาคริสต์ ซึ่งในบางเล่มมีพื้นฐานมาจากหลักคำสอนของศาสนายูดาห์ของชาวยิว ชาวคริสต์เรียกคัมภีร์ไบเบิลในชื่ออื่น ๆ อีกหลายชื่อ เช่น พระวจนะของพระเจ้า (Word of God) หนังสือดี (Good Book) และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Scripture)

คัมภีร์ไบเบิลกูเทนแบร์ก คัมภีร์ไบเบิลฉบับพิมพ์ครั้งแรก

คริสตชนทุกคนเชื่อว่าพระคัมภีร์ทุกบททุกข้อนั้นมนุษย์เขียนขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า ประกอบด้วยหนังสือจำนวน 66 หรือ 73 หรือ 78 เล่ม (แล้วแต่นิกาย) ประกอบด้วยภาคพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ พันธสัญญาเดิมถูกเขียนขึ้นก่อนที่พระเยซูคริสต์ประสูติ ทั้งหมดเขียนเป็นภาษาฮีบรู ยกเว้นส่วนที่เป็นคัมภีร์อธิกธรรม (ยอมรับเฉพาะชาวคาทอลิก) ถูกเขียนด้วยภาษากรีกและภาษาอียิปต์ ส่วนพันธสัญญาใหม่ถูกเขียนขึ้นหลังจากพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว โดยบันทึกถึงเรื่องราวของพระเยซูตลอดพระชนม์ชีพ รวมทั้งคำสอน และการประกาศข่าวดีแห่งความรอด การยอมรับการทรมาน และการไถ่บาปของมนุษย์โดยพระเยซู การกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์ การส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มายังอัครทูต ประวัติศาสตร์ของคริสตจักรในยุคแรกเริ่ม ภายหลังการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูแล้ว การเบียดเบียนคริสตจักรในรูปแบบต่าง ๆ

พระคัมภีร์เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดของเวลาทั้งหมดที่มียอดขายต่อปีประมาณ 100 ล้านเล่มและได้รับอิทธิพลสำคัญในวรรณคดีและประวัติศาสตร์[2][3][4]

สารบบของคัมภีร์

คัมภีร์ไบเบิลไม่ใช่หนังสือเล่มเดียว แต่เป็นชุดหนังสือหลายเล่มที่เขียนโดยผู้เขียนหลายคนและหลายช่วงเวลา แล้วได้รวมกันเป็นสารบบจึงเรียกว่าสารบบของคัมภีร์ (Canon of Scripture) ในปัจจุบันคริสตชนนิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ยึดคัมภีร์ฮีบรูต่างสารบบกัน ทำให้คัมภีร์ไบเบิลของทั้งสองนิกายมีเนื้อหาไม่เท่ากัน คริสตจักรโรมันคาทอลิกยึดคัมภีร์ฮีบรูสารบบเซปตัวจินต์ที่มีมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล ซึ่งกำหนดให้คัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมมีหนังสือทั้งหมด 46 เล่ม แต่คริสตจักรฝ่ายโปรเตสแตนต์ยึดสารบบตามสภาแจมเนียที่เกิดขึ้นช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1 ซึ่งกำหนดให้คัมภีร์ฮีบรูประกอบด้วยหนังสือ 39 เล่ม (เพราะตัดคัมภีร์อธิกธรรม 7 เล่ม ออกไป)[1]

คริสต์ศาสนิกชนใช้คัมภีร์ฮีบรูของศาสนายูดาห์รวมเข้าในสารบบคัมภีร์ไบเบิลด้วยโดยเรียกว่าพันธสัญญาเดิม แต่สารบบของคัมภีร์ฮีบรูเสร็จสมบูรณ์เมื่อไรกลับไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด มีปรากฏเป็นหลักฐานครั้งแรกในหนังสือบุตรสิรา[5] ซึ่งเขียนขึ้นราว 130 ปีก่อนคริสตกาล ว่าคัมภีร์ฮีบรูประกอบด้วยธรรมบัญญัติ ผู้เผยพระวจนะ และข้อเขียนอื่น ๆ เมื่อคริสต์ศาสนาเกิดขึ้นแล้วหนังสือในสารบบพันธสัญญาเดิมก็ยังไม่ลงตัว เพราะภายในคริสตจักรเห็นไม่ตรงกันว่าควรรับคัมภีร์อธิกธรรมเข้าในสารบบพันธสัญญาเดิมหรือไม่ จนกระทั่งเกิดสภาสังคายนาแห่งฟลอเรนซ์ในปี ค.ศ. 1442 จึงได้ข้อสรุปในคริสตจักรโรมันคาทอลิกว่าให้รวมคัมภีร์อธิกธรรมเข้าในสารบบด้วย[6] เมื่อเกิดการปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ ชาวโปรเตสแตนต์ได้คัดค้านการรวมคัมภีร์อธิกธรรมในสารบบคัมภีร์ไบเบิล คริสตจักรโรมันคาทอลิกจึงตั้งสภาสังคายนาแห่งเทรนต์ (ค.ศ. 1545-63) และสภามีประกาศยืนยันให้ยอมรับคัมภีร์อธิกธรรมว่าเป็นพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ด้วย ผู้ใดไม่ยอมรับให้ผู้นั้นต้องถูกตัดออกจากศาสนจักร[7] ส่วนโปรเตสแตนต์ยังยืนยันไม่รับคัมภีร์อธิกธรรมเพราะยืนยันว่าคริสตจักรโรมันคาทอลิกเพิ่มเติมขี้นมาเอง ซึ่งต่างไปจากเนื้อหาในคัมภีร์ฮีบรูทำให้คัมภีร์ไบเบิลของทั้งสองนิกายต่างสารบบกันมาจนถึงปัจจุบัน

ส่วนสารบบของพันธสัญญาใหม่ก็ได้ข้อสรุปล่าช้าเช่นกัน เพราะหนังสือทุกเล่มในพันธสัญญาใหม่เขียนขึ้นหลังการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระเยซู ในระยะแรกเอกสารเหล่านี้ใช้เป็นบทอ่านที่เผยแพร่กันในคริสตจักร[8] บางเอกสารเช่น จดหมายของเปาโลได้รับการยอมรับจากอัครทูตซีโมนเปโตรว่าเป็นเอกสารที่เขียนโดยการดลใจจากพระเจ้า หนังสือที่เป็นพระวรสารก็ได้รับการยอมรับตั้งแต่ศาสนาคริสต์ยุคแรก[9] แต่รายชื่อของหนังสือในสารบบพันธสัญญาใหม่ก็ยังไม่ปรากฏชัดเจน แต่ละเล่มยังได้รับการยอมรับไม่พร้อมกัน เช่น พระวรสารทั้ง 4 เล่มและจดหมายของเปาโลได้รับการยอมรับตั้งแต่ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 3 และมีการยอมรับหนังสือวิวรณ์ในคริสต์ศตวรรษที่ 3 หนังสือฮีบรูได้รับการยอมรับในคริสต์ศตวรรษที่ 4 นอกจากนี้หนังสือบางเล่มเป็นที่ยอมรับเข้าสารบบพันธสัญญาใหม่โดยคริสตจักรในท้องถิ่นหนึ่งแต่ไม่ได้รับการยอมรับในท้องถิ่นอื่น เช่น จดหมายของนักบุญบารนาบัส หนังสือของเคลเมนต์ เป็นต้น จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 5 คริสตชนทุกกลุ่มจึงมีคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เป็นสารบบเดียวกัน[10]

ภาคพันธสัญญาเดิม

พันธสัญญาเดิม (The Old Testament) เป็นชุดหนังสือที่ถูกเขียนขึ้นก่อนการประสูติของพระเยซู ซึ่งมีเนื้อหาเหมือนกับคัมภีร์ฮีบรู มีจำนวน 39 เล่ม แบ่งเป็นสี่หมวดใหญ่ ดังนี้

  • หมวดเบญจบรรณ ประกอบด้วยหนังสือปฐมกาล จนถึง หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ
  • หมวดประวัติศาสตร์ ประกอบด้วยหนังสือโยชูวา จนถึง หนังสือเอสเธอร์
  • หมวดปรีชาญาณ ประกอบด้วยหนังสือโยบ จนถึง หนังสือเพลงซาโลมอน
  • หมวดผู้เผยพระวจนะ ประกอบด้วยหนังสืออิสยาห์ จนถึง หนังสือมาลาคี

คัมภีร์ในสารบบ

เล่มที่ชื่อผู้เขียนสาระสำคัญช่วงเวลาที่เขียน
1หนังสือปฐมกาลโมเสสจุดเริ่มต้น1445-1405 ปีก่อนคริสตกาล
2หนังสืออพยพการทรงไถ่
3หนังสือเลวีนิติความบริสุทธิ์
4หนังสือกันดารวิถีการร่อนเร่ในถิ่นกันดารประมาณ 1405 ปีก่อนคริสตกาล
5หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติการรื้อฟื้นพันธสัญญา
6หนังสือโยชูวาโยชูวาการยึดครองดินแดนคานาอันศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาล
7หนังสือผู้วินิจฉัยไม่ระบุการละทิ้งความเชื่อและการช่วยกู้ประมาณ 1050-1000 ปีก่อนคริสตกาล
8หนังสือนางรูธความรักแห่งการช่วยไถ่ศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาล
9หนังสือซามูเอล ฉบับที่ 1การปกครองอย่างกษัตริย์โดยมีพระเจ้าเป็นประมุขสูงสุดปลายศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาล
10หนังสือซามูเอล ฉบับที่ 2รัชสมัยของดาวิด
11หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1กษัตริย์ของอิสราเอลและยูดาห์ประมาณ 560-550 ปีก่อนคริสตกาล
12หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 2กษัตริย์ต่าง ๆ ของอิสราเอลและยูดาห์
13หนังสือพงศาวดาร ฉบับที่ 1เอสราประวัติศาสตร์ "การไถ่" ของอิสราเอลประมาณ 450-420 ปีก่อนคริสตกาล
14หนังสือพงศาวดาร ฉบับที่ 2การนมัสการ การฟื้นฟู และการปฏิรูปที่แท้จริง
15หนังสือเอสราการกลับไปของผู้ที่เหลืออยู่
16หนังสือเนหะมีย์เอสรา และ เนหะมีย์การสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเลมขึ้นใหม่ประมาณ 430-420 ปีก่อนคริสตกาล
17หนังสือเอสเธอร์ไม่ระบุการจัดเตรียมด้วยความห่วงใยของพระเจ้าประมาณ 460-400 ปีก่อนคริสตกาล
18หนังสือโยบทำไมคนชอบธรรมจึงทนทุกข์ไม่แน่นอน
19หนังสือเพลงสดุดีบรรพ 1 ส่วนใหญ่คือ ดาวิดคำอธิฐานและคำสรรเสริญ : มนุษย์และการทรงสร้างศตวรรษที่ 10-5 ก่อนคริสตกาล
บรรพ 2 ส่วนใหญ่คือ ดาวิดและบุตรของโคราห์คำอธิฐานและคำสรรเสริญ : การช่วยกู้และการทรงไถ่
บรรพ 3 ส่วนใหญ่คือ อาสาฟคำอธิฐานและคำสรรเสริญ : การนมัสการและพระวิหาร
บรรพ 4 ส่วนใหญ่ ไม่ระบุชื่อคำอธิฐานและคำสรรเสริญ : ถิ่นกันดารและหนทางของพระเจ้า
บรรพ 5 ส่วนใหญ่คือ ดาวิดหรือไม่ระบุชื่อคำอธิฐานและคำสรรเสริญ : พระวนจะของพระเจ้าและคำสรรเสริญ
20หนังสือสุภาษิตซาโลมอนและคนอื่น ๆปัญญาสำหรับการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องประมาณ 970-700 ปีก่อนคริสตกาล
21หนังสือปัญญาจารย์ซาโลมอนความอนิจจังของชีวิตที่ปราศจากพระเจ้าประมาณ 935 ปีก่อนคริสตกาล
22หนังสือเพลงซาโลมอนความรักในชีวิตสมรสประมาณ 960 ปีก่อนคริสตกาล
23หนังสืออิสยาห์อิสยาห์การพิพากษาและความรอดประมาณ 700-680 ปีก่อนคริสตกาล
24หนังสือเยเรมีย์เยเรมีย์การพิพากษาของพระเจ้าที่หลีกหนีไม่พ้น
สำหรับยูดาห์ที่ไม่ยอมกลับใจ
ประมาณ 585-580 ปีก่อนคริสตกาล
25หนังสือบทเพลงคร่ำครวญความโศกเศร้าในปัจจุบันและความหวังในอนาคตประมาณ 586-585 ปีก่อนคริสตกาล
26หนังสือเอเสเคียลเอเสเคียลการพิพากษาและพระเกียรติสิริของพระเจ้าประมาณ 590-570 ปีก่อนคริสตกาล
27หนังสือดาเนียลดาเนียลอธิปไตยของพระเจ้าในประวัติศาสตร์ประมาณ 536-530 ปีก่อนคริสตกาล
28หนังสือโฮเชยาโฮเชยาการพิพากษาและความรักแห่งการทรงไถ่ของพระเจ้าประมาณ 715-710 ปีก่อนคริสตกาล
29หนังสือโยเอลโยเอลวันยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามขององค์พระผู้เป็นเจ้าประมาณ 835-830 ปีก่อนคริสตกาล
30หนังสืออาโมสอาโมสความยุติธรรม ความชอบธรรม และผลตอบแทนจากพระเจ้าต่อบาปประมาณ 760-755 ปีก่อนคริสตกาล
31หนังสือโอบาดีห์โอบาดีห์การพิพากษาเอโดมประมาณ 840 ปีก่อนคริสตกาล
32หนังสือโยนาห์โยนาห์ความกว้างใหญ่ไพศาลของพระเมตตาแห่งความรอดของพระเจ้าประมาณ 760 ปีก่อนคริสตกาล
33หนังสือมีคาห์มีคาห์การพิพากษาและความรอดแห่งพระเมสสิยาห์ประมาณ 740-710 ปีก่อนคริสตกาล
34หนังสือนาฮูมนาฮูมความพินาศของนีนะเวห์ที่กำลังจะมาถึงประมาณ 630-620 ปีก่อนคริสตกาล
35หนังสือฮาบากุกฮาบากุกมีชีวิตอยู่โดยความเชื่อประมาณ 606 ปีก่อนคริสตกาล
36หนังสือเศฟันยาห์เศฟันยาห์วันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประมาณ 630 ปีก่อนคริสตกาล
37หนังสือฮักกัยฮักกัยการสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ประมาณ 520 ปีก่อนคริสตกาล
38หนังสือเศคาริยาห์เศคาริยาห์การสร้างพระวิหารเสร็จสิ้นและพระสัญญาเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ประมาณ 520-470 ปีก่อนคริสตกาล
39หนังสือมาลาคีมาลาคีพระเจ้าทรงกล่าวโทษลัทธิยูดานิยมสมัยหลังจากการเป็นเชลยประมาณ 630 ปีก่อนคริสตกาล

หมายเหตุ

หนังสือเอสเธอร์ (บทที่ 10:4 ถึงบทที่ 16:24) และ หนังสือดาเนียล (บทที่ 3:24-90, บทที่ 13, บทที่ 14) บทและข้อพระคัมภีร์ที่เพิ่มขึ้นมาจัดเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์อธิกธรรม มีใช้ในนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายออร์ทอดอกซ์เท่านั้น ซึ่งนิกายโปรเตสแตนต์จะไม่ยอมรับบทและข้อพระคัมภีร์ที่เพิ่มขึ้นมานี้ และจัดเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์นอกสารบบ จึงทำให้นิกายโปรเตสแตนต์มีหนังสือทั้งหมดจำนวน 39 เล่ม ตามเนื้อหาในคัมภีร์ฮีบรู

คัมภีร์นอกสารบบ

คัมภีร์อธิกธรรมของนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายออร์ทอดอกซ์

  1. หนังสือโทบิต
  2. หนังสือยูดิธ
  3. หนังสือมัคคาบี ฉบับที่ 1
  4. หนังสือมัคคาบี ฉบับที่ 2
  5. หนังสือปรีชาญาณ
  6. หนังสือบุตรสิรา
  7. หนังสือบารุค

หมายเหตุ

คัมภีร์อธิกธรรมทั้ง 7 เล่มนี้ จัดเป็นคัมภีร์สารบบที่สอง มีใช้ในนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายออร์ทอดอกซ์เท่านั้น ซึ่งนิกายโปรเตสแตนต์จะไม่ยอมรับหนังสือ 7 เล่มนี้ จึงได้ตัดออกไปตั้งแต่การปฏิรูปศาสนา และเรียกว่าคัมภีร์นอกสารบบ ทำให้นิกายโรมันคาทอลิกมีหนังสือทั้งหมดจำนวน 46 เล่ม

คัมภีร์อธิกธรรมของนิกายออร์ทอดอกซ์

  1. หนังสือเอสดราส ฉบับที่ 1
  2. หนังสือมัคคาบี ฉบับที่ 3
  3. หนังสือมัคคาบี ฉบับที่ 4
  4. คำอธิษฐานของมนัสเสห์
  5. จดหมายของเยเรมีย์

หมายเหตุ

คัมภีร์อธิกธรรมทั้ง 5 เล่มนี้ จัดเป็นคัมภีร์สารบบที่สอง มีใช้ในนิกายออร์ทอดอกซ์เท่านั้น ซึ่งนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนต์จะไม่ยอมรับหนังสือ 5 เล่มนี้ และเรียกว่าคัมภีร์นอกสารบบ จึงทำให้นิกายออร์ทอดอกซ์มีหนังสือทั้งหมดจำนวน 51 เล่ม

ภาคพันธสัญญาใหม่

พันธสัญญาใหม่ (The New Testament) เป็นชุดหนังสือที่ถูกเขียนขึ้นภายหลังจากการการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระเยซู มีจำนวน 27 เล่ม แบ่งได้เป็นห้าหมวดใหญ่ ดังนี้

  • หมวดพระวรสาร ประกอบด้วยพระวรสารนักบุญมัทธิว จนถึง พระวรสารนักบุญยอห์น
  • หมวดประวัติศาสตร์ ประกอบด้วยหนังสือกิจการของอัครทูต
  • หมวดจดหมายของเปาโล ประกอบด้วยจดหมายนักบุญเปาโล ถึงชาวโรม จนถึง จดหมายถึงชาวฮีบรู
  • หมวดจดหมายทั่วไป ประกอบด้วยจดหมายของนักบุญยากอบ จนถึง จดหมายของนักบุญยูดา
  • หมวดวิวรณ์ ประกอบด้วยหนังสือวิวรณ์
เล่มที่ชื่อผู้เขียนสาระสำคัญช่วงเวลาที่เขียน
1พระวรสารนักบุญมัทธิวมัทธิวพระเยซู กษัตริย์ผู้เป็นพระเมสสิยาห์ค.ศ. 60
2พระวรสารนักบุญมาระโกมาระโกพระเยซู พระบุตรผู้เป็นผู้รับใช้ประมาณ ค.ศ. 55-65
3พระวรสารนักบุญลูกาลูกาพระเยซู พระผู้ช่วยให้รอดผู้เป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์ประมาณ ค.ศ. 60-63
4พระวรสารนักบุญยอห์นยอห์นพระเยซู พระบุตรของพระเจ้าประมาณ ค.ศ. 80-95
5หนังสือกิจการของอัครทูตลูกาชัยชนะแห่งการประกาศข่าวดี
โดยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ค.ศ. 63
6จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรมเปาโลความชอบธรรมของพระเจ้าได้รับการเปิดเผยค.ศ. 57
7จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่ 1ปัญหาต่าง ๆ และการแก้ไขปัญหาในคริสตจักรประมาณ ค.ศ. 55-56
8จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่ 2ศักดิ์ศรีที่ได้รับผ่านการทนทุกข์
9จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวกาลาเทียความรอดโดยพระคุณทางความเชื่อค.ศ. 49
10จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัสพระคริสต์กับคริสตจักรค.ศ. 62
11จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวฟิลิปปีความชื่นชมยินดีในการมีชีวิตอยู่เพื่อพระคริสต์ประมาณ ค.ศ. 62-63
12จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโคโลสีความยิ่งใหญ่สูงสุดของพระคริสต์ค.ศ. 62
13จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่ 1การเสด็จกลับมาของพระคริสต์ค.ศ. 51
14จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่ 2ค.ศ. 51-52
15จดหมายของนักบุญเปาโลถึงทิโมธี ฉบับที่ 1หลักคำสอนที่ถูกต้องและชีวิตในทางของพระเจ้าค.ศ. 65
16จดหมายของนักบุญเปาโลถึงทิโมธี ฉบับที่ 2ความอดทนบากบั่นค.ศ. 67
17จดหมายของนักบุญเปาโลถึงทิตัสคำสอนที่มีหลักและการทำดีประมาณ ค.ศ. 65-66
18จดหมายของนักบุญเปาโลถึงฟีเลโมนการกลับคืนดีกันค.ศ. 62
19จดหมายถึงชาวฮีบรูไม่ระบุพันธสัญญาที่ดีกว่าประมาณ ค.ศ. 67-69
20จดหมายของนักบุญยากอบยากอบความเชื่อที่เกิดผลประมาณ ค.ศ. 45-49
21จดหมายของนักบุญเปโตร ฉบับที่ 1เปโตรการทนทุกข์เพื่อพระคริสต์ประมาณ ค.ศ. 60-63
22จดหมายของนักบุญเปโตร ฉบับที่ 2ความจริงอันซื่อสัตย์เปรียบเทียบกับครูสอนเท็จประมาณ ค.ศ. 66-68
23จดหมายของนักบุญยอห์น ฉบับที่ 1ยอห์นความจริงและความชอบธรรมประมาณ ค.ศ. 85-95
24จดหมายของนักบุญยอห์น ฉบับที่ 2ดำเนินชีวิตในความจริง
25จดหมายของนักบุญยอห์น ฉบับที่ 3กระทำอย่างซื่อสัตย์
26จดหมายของนักบุญยูดายูดาการต่อสู้เพื่อความเชื่อประมาณ ค.ศ. 70-80
27หนังสือวิวรณ์ยอห์นแห่งปัทมอส
คริสตชนเชื่อว่าเป็นคนเดียวกับยอห์นอัครทูต
แต่ทางวิชาการเห็นว่าเป็นคนละคนกัน
การต่อสู้และการบรรลุถึงความสมบูรณ์ประมาณ ค.ศ. 90-96

การแปลและการแก้ไขคำแปลคัมภีร์ไบเบิลในภาษาไทย

ชายถือป้ายเชิญชวนให้ผู้คนอ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์ บนถนนสีลม

คัมภีร์ไบเบิล หรือที่เรียกว่า พระคริสตธรรมคัมภีร์ ประกอบด้วยหนังสือ 66 เล่ม โดยแบ่งเป็นภาคพันธสัญญาเดิม 39 เล่ม และภาคพันธสัญญาใหม่ 27 เล่ม

การแปลพระคัมภีร์ไทยเริ่มจากนิกายโปรเตสเตนต์[11] โดยมิชชันนารีคู่แรกที่มาเมืองไทย คือ ดร.คาร์ล กู๊ดสลาฟ และ อ.จาค็อบ ทอมลิน จากสมาคมมิชชันแห่งลอนดอน ได้เข้ามาประกาศข่าวประเสริฐเป็น กลุ่มแรก โดยมาถึงเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ.1828

ศตวรรษที่ 19 ยุคแห่งการแปลพระคัมภีร์[12]

  • หนังสือ"พระกิตติคุณลูกา" ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1834 แปลโดย ดร.คาร์ล กู๊ดสลาฟ และ ศจ.จาค็อบ ทอมลิน จากสมาคมมิชชันแห่งลอนดอน (พระคัมภีร์ไทยเล่มแรก)
  • หนังสือ"พระกิตติคุณมัทธิว" ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1834 แปลโดย ศจ.ดร.จอห์น เทเลอร์ โจนส์ จากคณะอเมริกันแบ็พติสต์
  • หนังสือ"พระกิตติคุณมัทธิวและพระกิตติคุณลูกา" ตีพิมพ์ร่วมกันในปี ค.ศ.1834 แปลโดย ศจ.ดร.จอห์น เทเลอร์ โจนส์ และ ดร.คาร์ล กู๊ดสลาฟ (พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เล่มแรก)
  • หนังสือ"พระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม" ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1842 แปลโดย ศจ.ชาร์ล โรบินสัน จากคณะอเมริกันบอร์ด ออฟ คอมมิชชันเนอร์ ฟอร์ ฟอเร็นมิชชัน (ตีพิมพ์พระคัมภีร์ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดย ดร.แดน บีช บรัดเลย์ เป็นผู้ตั้งโรงพิมพ์ครั้งแรกในไทย)
  • หนังสือ"พระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม" ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1850 แปลใหม่โดย ศจ.สเทเฟน แมทตูน จากคณะเพรสไบทีเรียน
  • หนังสือ"พระกิตติคุณมัทธิว" ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1850 แก้ไขคำแปลโดย ศจ.ดร.จอห์น เทเลอร์ โจนส์ ศจ.ชาร์ล โรบินสัน และสมาคมพระคริสตธรรมอเมริกัน (การแก้ไขคำแปลครั้งแรก)
  • หนังสือ"พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม" ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1883 แปลโดย สมาคมพระคริสตธรรมอเมริกันและคณะมิชชันต่างๆ (คนไทยมีพระคัมภีร์ไทยทั้งภาคพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่เป็นครั้งแรก)

ศตวรรษที่ 20 ยุคแห่งการแก้ไขคำแปล[13]

  • หนังสือ"พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940" หรือ "พระคัมภีร์คริสเตียน ฉบับแปลโลกใหม่" เริ่มแปลในปี ค.ศ.1920 ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1940 ใช้เวลาในการแปล 20 ปี (ปัจจุบันพิมพ์ครั้งที่ 83 : 2014)

แปลโดย สมาคมพระคริสตธรรมไทย โดยมีคณะกรรมการคือ ศจ.พอล เอกิน, อจ.เปลื้อง สุทธิคำ, อจ.ทองสุก มังกรพันธ์, อจ.เจริญ สกุลกัน, อจ.เจริญ วิชัย และ อจ.สุข พงศ์น้อย

การแก้ไขยึดพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษฉบับ KJV (King James Version) เป็นหลัก (พระคัมภีร์ฉบับนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มพยานพระยะโฮวาในปัจจุบัน)

  • หนังสือ"พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1971" หรือ "TH1971" หรือ "THRS (Thai Revised Standard Version)" เริ่มแปลในปี ค.ศ.1954 ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1971 ใช้เวลาในการแปล 17 ปี (ฉบับสุดท้ายพิมพ์ครั้งที่ 30 : ตุลาคม 2013)

แปลโดย สหสมาคมพระคริสตธรรมสากล และสมาคมพระคริสตธรรมไทย โดยมีคณะกรรมการ 3 ชุด คือ 1.กรรมการยกร่างคำแปล โดยมี อจ.ศรัณย์ ชัยรัตน์, อจ.ดับบลิว ทอมป์สัน, อจ.เฮอร์เบิร์ท เกรทเธอร์ และอจ.ฟรานซิส ซีรี ทำหน้าที่ยกร่างคำแปลใหม่ 2.กรรมการตรวจสอบ ช่วยตรวจสอบสิ่งที่ผู้ยกร่างแก้ไข จำนวน 8 ท่าน 3.กรรมการที่ปรึกษา จะคอยให้การสนับสนุนและชี้แนะแนวทางการแก้ไข จำนวน 25 ท่าน

การแก้ไขพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมใช้พระคัมภีร์ภาษาอังกฤษฉบับ RSV (Revised Standard Version) และ ASV (American Standard Version) เทียบกับสำเนาโบราณภาษาฮีบรู การแก้ไขพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ใช้ RSV (Revised Standard Version) เทียบกับสำเนาโบราณภาษากรีก เป็นหลัก (พระคัมภีร์ฉบับนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มของนิกายโปรเตสแตนต์ในปัจจุบัน และนิกายคาทอลิกร่วมใช้เป็นการชั่วคราว)

  • หนังสือ"พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ ประชานิยม" เริ่มแปลในปี ค.ศ.1963 ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1984 ใช้เวลาในการแปล 21 ปี

แปลโดย สมาคมพระคริสตธรรมไทย เป็นการแปลโดยใช้หลักการแปลแบบถอดความ คือแปลความหมายของเนื้อหาให้ถูกต้องเป็นหลักโดยไม่จำเป็นต้องรักษาโครงสร้าง หรือรูปประโยคหรือแม้แต่คำตามต้นฉบับ มีผู้ยกร่างคำแปลหลักสองท่านคือ คุณจิตบรรจง พิมพ์รัตน์ และ ดร.โฮวาร์ด แฮตตัน จากคณะมิชชันโอ เอม เอ็ฟ

การแก้ไขยึดพระคัมภีร์ภาษาอักฤษฉบับ GNB (Good News Bible) เป็นหลัก (พระคัมภีร์ฉบับนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มประชาชนทั่วไป)

  • หนังสือ"พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011" หรือ "พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน" หรือ "THSV (Thai Standard Version)" เริ่มแปลในปี ค.ศ.1997 ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.2011 ใช้เวลาในการแปล 14 ปี (ปัจจุบันพิมพ์ครั้งที่ 3 : พฤศจิกายน 2014)

แปลโดย สมาคมพระคริสตธรรมไทย โดยมีคณะกรรมการ 3 ชุด คือ 1.กรรมการยกร่างคำแปล โดยมี ศจ.โรเบิร์ต คอลลินส์, ศจ.ดร.เสรี หล่อกัณภัย, ดร.วรรณภา เรืองเจริญสุข, อจ.พัชรินทร์ ชัชมนมาศ, อจ.ทองหล่อ วงศ์กำชัย และอจ.ปัญญา โชชัยชาญ ทำหน้าที่ยกร่างคำแปลใหม่ 2.กรรมการตรวจทานโดยนักลีลาภาษา และ 3.กรรมการที่ปรึกษา จะคอยให้การสนับสนุนและชี้แนะแนวทางการแก้ไข

การแก้ไขพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมใช้พระคัมภีร์ภาษาฮีบรูและภาษาอาราเมคเป็นหลักในการแปล การแก้ไขพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ใช้พระคัมภีร์ภาษากรีกอย่างเดียว (พระคัมภีร์ฉบับนี้แปลขึ้นมาใหม่จากการร่วมมือกันระหว่างนิกายคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนต์)

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง