ประเทศซิมบับเว
สาธารณรัฐซิมบับเว Republic of Zimbabwe (อังกฤษ) | |
---|---|
เพลงชาติ: เพลงชาติซิมบับเว Simudzai Mureza wedu WeZimbabwe หรือ Kalibusiswe Ilizwe leZimbabwe ("โปรดประทานพรแก่ดินแดนแห่งซิมบับเว") | |
ที่ตั้งของ ประเทศซิมบับเว (เขียวเข้ม) | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | ฮาราเร 17°50′S 31°3′E / 17.833°S 31.050°E |
ภาษาราชการ | ภาษาอังกฤษ |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว ระบบพรรคเด่น ประธานาธิบดี สาธารณรัฐ |
เอ็มเมอร์สัน อึมนังกากวา | |
• รองประธานาธิบดี | Constantino Chiwenga |
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา |
• สภาสูง | วุฒิสภา |
• สภาล่าง | รัฐสภา |
ประกาศเอกราชจากสหราชอาณาจักร | |
• ประกาศ | 11 พฤศจิกายน 1965 |
2 มีนาคม 1970 | |
• ซิมบับเวโรดีเชีย | 1 มิถุนายน 1979 |
• อิสรภาพได้รับการยอมรับ | 18 เมษายน 1980 |
• รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน | 15 พฤษภาคม 2013 |
พื้นที่ | |
• รวม | 390,757 ตารางกิโลเมตร (150,872 ตารางไมล์) (60) |
1 | |
ประชากร | |
• 2019 ประมาณ | 15,092,171[2] (74) |
• สำมะโนประชากร 2012 | 12,973,808[3] |
26 ต่อตารางกิโลเมตร (67.3 ต่อตารางไมล์) (170) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2019 (ประมาณ) |
• รวม | $41.031 พันล้าน |
• ต่อหัว | $2,621[4] |
จีดีพี (ราคาตลาด) | 2019 (ประมาณ) |
• รวม | $22.290 พันล้าน |
• ต่อหัว | $1,424[4] |
จีนี (2017) | 44.3[5] ปานกลาง |
เอชดีไอ (2019) | 0.571[6] ปานกลาง · 150 |
สกุลเงิน | ดอลลาร์ซิมบับเว ซิมบับเวโกลด์ |
เขตเวลา | UTC+2 (CAT[7]) |
รูปแบบวันที่ | วว/ดด/ปปปป |
ขับรถด้าน | ซ้ายมือ |
รหัสโทรศัพท์ | +263 |
โดเมนบนสุด | .zw |
ซิมบับเว (อังกฤษ: Zimbabwe) มีชื่อทางการคือ สาธารณรัฐซิมบับเว (อังกฤษ: Republic of Zimbabwe) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ทวีปแอฟริกา อยู่ระหว่างแม่น้ำซัมเบซีและแม่น้ำลิมโปโป มีอาณาเขตทิศเหนือติดกับประเทศแซมเบีย ทิศตะวันออกติดกับประเทศโมซัมบิก ทิศตะวันตกติดกับประเทศบอตสวานา และทิศใต้ติดกับประเทศแอฟริกาใต้ มีพื้นที่ประเทศ 390,580 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวงคือ กรุงฮาราเร
ชื่อประเทศ
ชื่อซิมบับเวมาจากคำว่า "Dzimba dza mabwe" ซึ่งแปลว่าบ้านหินใหญ่ในภาษาโชนา[8] ชื่อนี้ถูกนำมาจากเกรตซิมบับเวซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรเกรตซิมบับเว
ภูมิศาสตร์
ซิมบับเวเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ถูกล้อมรอบด้วยประเทศแอฟริกาใต้ทางใต้โดยมีแม่น้ำลิมโปโปกั้นอยู่ บอตสวานาทางตะวันตก แซมเบียทางตะวันตกเฉียงเหนือ และโมซัมบิคทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ ซิมบับเวยังมีจุดที่ติดต่อกับประเทศนามิเบียทางตะวันตกอีกด้วย จุดที่สูงที่สุดของประเทศคือภูเขาเนียนกานี ซึ่งสูง 2,592 เมตร[9]
ประวัติศาสตร์
ยุคก่อนประวัติศาสตร์
มีหลักฐานว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ในของซิมบับเวตั้งแต่ห้าแสนปีก่อน ช่วงสองร้อยปีหลังคริสตกาล ชาวกอยเซียนได้เข้ามาตั้งรกรากที่พื้นที่แถบนี้ นอกจากนั้นมีชาวบันตู ชาวโชนา ชาวงูนี และชาวซูลู
อาณานิคมสหราชอาณาจักร
นักสำรวจชาวอังกฤษได้เข้ามาในซิมบับเวช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และเริ่มการล่าอาณานิคมขึ้น ดินแดนแซมเบเซียต่อมาได้เป็นที่รู้จักกันในนามโรดีเซียในพ.ศ. 2435 หลังจากนั้นได้แบ่งเป็นโรดีเซียเหนือและในที่สุดได้กลายมาเป็นแซมเบีย ใน พ.ศ. 2441 ตอนใต้ของพื้นที่ แซมเบเซีย ถูกเรียกว่าโรดีเซียใต้ ต่อมาได้กลายมาเป็นซิมบับเวในอีกหลายปีหลังจากนั้น
หลังการประกาศเอกราช
หลังจากผ่านการขัดแย้งกันทางสีผิว รวมไปถึงบทบาทจากสหประชาชาติ และการต่อสู้ของกองโจรในช่วง พ.ศ. 2503 ในที่สุดซิมบับเวได้รับอิสรภาพในพ.ศ. 2523 ในปีเดียวกันนั้น รอเบิร์ต มูกาบี ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ และเป็นประธานาธิบดีใน พ.ศ. 2530 จนกระทั่งถูกกดดันให้ลาออกใน พ.ศ. 2560
การเมืองการปกครอง
ซิมบับเวเป็นสาธารณรัฐที่มีระบบประธานาธิบดี ระบบกึ่งประธานาธิบดีถูกยกเลิกพร้อมกับการนำรัฐธรรมนูญใหม่มาใช้หลังจากการลงประชามติในปี พ.ศ. 2556 ภายใต้การเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญในปี พ.ศ. 2548 สภาสูงซึ่งก็คือวุฒิสภาก็ได้รับการฟื้นฟู[10] สภาผู้แทนราษฎรเป็นสภาล่าง
ในปี พ.ศ. 2530 มูกาเบได้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยกเลิกตำแหน่งประธานาธิบดีในพิธีการและตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งประธานาธิบดีที่เป็นผู้บริหาร ซึ่งเป็นระบบประธานาธิบดี พรรค ZANU-PF ของเขาชนะการเลือกตั้งทุกครั้งนับตั้งแต่ได้รับเอกราช - ในการเลือกตั้งปี 1990 พรรคที่ได้อันดับสองคือ Zimbabwe Unity Movement (ZUM) ของ Edgar Tekere ได้รับคะแนนเสียง 20%[11][12]
การแบ่งเขตการปกครอง
ซิมบับเวมีรัฐบาลแบบรวมศูนย์และแบ่งออกเป็นแปดจังหวัดและสองเมืองที่มีสถานะเป็นจังหวัดเพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหาร แต่ละจังหวัดมีเมืองหลวงของจังหวัดซึ่งโดยปกติจะบริหารงานของรัฐ[13]
จังหวัด | เมืองหลัก |
---|---|
บูลาวาโย | บูลาวาโย |
ฮาราเร | ฮาราเร |
มานิคาแลนด์ | มูตาเร |
มาโชนาแลนด์กลาง | บินดูรา |
มาโชนาแลนด์ตะวันออก | มาโรนเดรา |
มาโชนาแลนด์ตะวันตก | ชิโนยิ |
มาสวินโก | เมืองมาสวินโก |
มาทาเบเลแลนด์เหนือ | ลูแปง |
มาทาเบเลแลนด์ใต้ | กวอนดา |
มิดแลนด์ | เกวรู |
กองทัพ
กองกำลังป้องกันซิมบับเวได้รับการจัดตั้งขึ้นโดยการรวมกองกำลังกบฏสามกองกำลังเข้าด้วยกัน ได้แก่ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติซิมบับเวแห่งแอฟริกา (ZANLA) กองทัพปฏิวัติประชาชนซิมบับเว (ZIPRA) และกองกำลังความมั่นคงโรดีเซียน (RSF) - ภายหลังได้รับเอกราชซิมบับเวในปี พ.ศ. 2523 ช่วงเวลาบูรณาการมีการจัดตั้งกองทัพแห่งชาติซิมบับเว (ZNA) และกองทัพอากาศซิมบับเว (AFZ) เป็นหน่วยงานที่แยกจากกันภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลโซโลมอน มูจูรูและพลอากาศเอกนอร์มัน วอลช์ ซึ่งเกษียณอายุในปี พ.ศ. 2525 และถูกแทนที่โดยพลอากาศเอกอาซิม เดาโปตา ซึ่งส่งต่อคำสั่งให้กับพลอากาศเอก Josiah Tungamirai ในปี 1985 ในปี 2003 นายพล Constantine Chiwenga ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันประเทศซิมบับเว พลโท พี.วี. ซีบันดา ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกแทน[14]
ZNA มีกำลังประจำการอยู่ที่ 30,000 นาย กองทัพอากาศมีกำลังพลประจำการประมาณ 5,139 นายตำรวจสาธารณรัฐซิมบับเว (รวมถึงหน่วยสนับสนุนตำรวจ ตำรวจกึ่งทหาร) เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังป้องกันซิมบับเว[15]
เศรษฐกิจ
โครงสร้างเศรษฐกิจ
การส่งออกแร่ธาตุ การเกษตร และการท่องเที่ยว เป็นธุรกิจที่นำเงินตราต่างประเทศเข้าสู่ซิมบับเว[16] การทำเหมืองแร่ยังคงเป็นธุรกิจที่ให้กำไรมาก ซิมบับเวมีแหล่งทรัพยากรแพลทินัมที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก[17] ซิมบับเวเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปของแอฟริกาใต้[18]
ซิมบับเวมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีตลอดคริสต์ทศวรรษ 1980 (อัตราการเติบโตของจีดีพีร้อยละ 5.0 ต่อปี) และ 1990 (ร้อยละ 4.3 ต่อปี) อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจเริ่มถดถอยลงตั้งแต่ปี 2000 โดยลดลงร้อยละ 5 ในปี 2000, ร้อยละ 8 ในปี 2001, ร้อยละ 12 ในปี 2002, และร้อยละ 18 ในปี 2003[19] รัฐบาลซิมบับเวประสบปัญหาทางเศรษฐกิจหลายอย่างหลังจากล้มเลิกความตั้งใจที่จะพัฒนาเศรษฐกิจแบบตลาด เช่นปัญหาการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูงมาก และการขาดแคลนอุปทานของสินค้าต่าง ๆ การที่ซิมบับเวมีส่วนร่วมกับสงครามในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ระหว่างปี 1998 ถึง 2002 ทำให้ต้องสูญเสียหลายร้อยล้านดอลลาร์ออกจากระบบเศรษฐกิจ[20]
เศรษฐกิจที่ดิ่งลงเหวนี้มีสาเหตุหลักมาจากการบริหารที่ล้มเหลวและการคอร์รัปชันของรัฐบาลมูกาเบ และการขับไล่ชาวไร่ผิวขาวกว่า 4,000 คนในระหว่างการจัดสรรที่ดินที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งในปี 2000[21][22][23] ซึ่งทำให้ซิมบับเวซึ่งเคยเป็นผู้ส่งออกข้าวโพดกลับกลายเป็นผู้นำเข้าแทน[17] ปริมาณการส่งออกยาสูบก็ลดลงอย่างมาก จากรายงานในเดือนมิถุนายน 2007 ของหน่วยปฏิบัติการเพื่อการอนุรักษ์ซิมบับเว ประมาณว่าซิมบับเวสูญเสียสัตว์ป่าไปถึงร้อยละ 60 ตั้งแต่ปี 2000 ในรายงานยังได้กล่าวเตือนอีกว่าการสูญเสียพันธุ์สัตว์ป่าและการทำลายป่าไม้อย่างกว้างขวางนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อธุรกิจท่องเที่ยว[24]
ปลายปี 2006 ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่เลวร้าย รัฐบาลเริ่มประกาศอนุญาตให้ชาวไร่ผิวขาวกลับมาสู่ที่ดินของตนอีกครั้ง[25] มีชาวไร่ผิวขาวเหลืออยู่ในประเทศประมาณ 400-600 คน แต่ที่ดินที่ถูกยึดคืนส่วนใหญ่นั้นกลายเป็นที่ดินเสื่อมสภาพและไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้อีกต่อไป[25][26] ในเดือนมกราคม 2007 รัฐบาลยอมให้ชาวไร่ผิวขาวเซ็นสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว[27] แต่แล้วในปีเดียวกันรัฐบาลก็กลับขับไล่ชาวไร่ผิวขาวออกจากประเทศอีกครั้ง[28][29]
อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 32 ต่อปีในปี 1998[30] จนถึงร้อยละ 231,000,000 ตามสถิติของทางการในเดือนกรกฎาคม 2008[30] ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภาวะเงินเฟ้อรุนแรง และทำให้ธนาคารต้องออกธนบัตรใบละ 1 แสนล้านดอลลาร์มาใช้[31] [32] ในเดือนพฤศจิกายน 2008 ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการรายงานว่าอัตราเงินเฟ้อของซิมบับเวพุ่งขึ้นสูงถึงร้อยละ 516 ล้านล้านล้านต่อปี และราคาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุก ๆ 1.3 วัน[33] และนับเป็นภาวะเงินเฟ้อรุนแรงที่เลวร้ายเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์โลก รองจากวิกฤติเงินเฟ้อในฮังการีในปี 1946 ซึ่งราคาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุก ๆ 15.6 ชั่วโมง[33]
ประชากรศาสตร์
ในปี 2008 ซิมบับเวมีประชากรประมาณ 11.4 ล้านคน[34] จากรายงานขององค์การอนามัยโลก อายุคาดหมายเฉลี่ยสำหรับผู้ชายชาวซิมบับเวคือ 37 ปี และสำหรับผู้หญิงคือ 34 ปี ซึ่งเป็นสถิติต่ำสุดของปี 2004[35] อัตราการติดเชื้อเอดส์ในประชากรระหว่างอายุ 15-49 ปี ถูกประมาณไว้ที่ร้อยละ 20.1 ในปี 2006[36]
เชื้อชาติ
ประชากรประมาณร้อยละ 98 เป็นชาวพื้นเมืองผิวดำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวโชนา (ประมาณร้อยละ 80-84) รองลงมาคือชาวเดเบเล (ประมาณร้อยละ 10-15)[37][38] ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากซูลูที่อพยพมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 นอกจากนี้ยังมีคนผิวขาวซึ่งส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวอังกฤษ
ภาษา
ภาษาทางการคือภาษาอังกฤษ[34] แต่ภาษาที่ใช้มากได้แก่ภาษาโชนา และภาษาเดเบเล[39]
วัฒนธรรม
ภาษาที่ใช้ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ และมีภาษาพื้นเมืองอื่น ๆ คือ Shona Sindebele ศาสนา ลัทธิผสม (ระหว่างศาสนาคริสต์และความเชื่อดั้งเดิม) 50% ศาสนาคริสต์ 25% ความเชื่อดั้งเดิม 24% ศาสนาอิสลามและอื่น ๆ 1%
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
- ข้อมูลทั่วไป
- Zimbabwe entry at The World Factbook
- Humanitarian information coverage on ReliefWeb
- Zimbabwe เก็บถาวร 2008-10-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน from UCB Libraries GovPubs
- Global Integrity Report: Zimbabwe[ลิงก์เสีย]—anti-corruption policy scorecard
- Key Development Forecasts for Zimbabwe from International Futures
- Voice of Witness – Narratives of Zimbabweans whose lives have been affected by the country's
- รัฐบาล
- รัฐสภาซิมบับเว
- รัฐบาลซิมบับเว
- Chief of State and Cabinet Members เก็บถาวร 2013-03-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ท่องเที่ยว
- การศึกษา