ภาษาฮังการี

ภาษาฮังการี (ฮังการี: Magyar nyelv, [ˈmɒɟɒr ˈɲɛlv]) เป็นภาษาตระกูลยูรัลซึ่งมีผู้พูดในประเทศฮังการีและในประเทศเพื่อนบ้าน มีผู้พูดภาษาฮังการีประมาณ 14.7 ล้านคน จำนวน 10 ล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศฮังการี ในประเทศฮังการีและในประเทศสโลวาเกีย แถบตะวันตกของประเทศยูเครน ประเทศสโลวีเนียตอนเหนือ อาณาเขตตะวันตกและตอนกลางของประเทศโรมาเนีย (ทรานซิลเวเนีย) ประเทศเซอร์เบียตอนเหนือในเขตวอยวอดีนา และประเทศโครเอเชียตอนเหนือในเขตวอยวอดีนา เนื่องจากการถูกแยกประเทศราชอาณาจักรฮังการี ภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในปีค.ศ. 1920 โดยสนธิสัญญาทริอานอง ทำให้มีชาวฮังการีจำนวนมากถูกตัดขาดจากกลุ่มชาติพันธุ์ของตนเองในดินแดนที่จักรวรรดิออสเตรียฮังการีเคยตั้งอยู่ ภาษาฮังการียังใช้พูดโดยกลุ่มชาวฮังการีพลัดถิ่นทั่วโลก โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ (ในสหรัฐ) ภาษาฮังการีจัดอยู่ในกลุ่มตระกูลภาษาฟินโนอุกริค ร่วมกับภาษาอื่นๆเช่น ภาษาฟินแลนด์ และภาษาเอสโตเนีย เป็นต้น ภาษาที่มีความใกล้ชิดกับภาษาฮังการีมากที่สุดคือ ภาษาแมนซี และภาษาคฮานตีในประเทศรัสเซียตอนกลาง (ไซบีเรีย)

ภาษาฮังการี
magyar nyelv
ออกเสียง[ˈmɒɟɒr ˈɲɛlv]
ประเทศที่มีการพูดประเทศฮังการีและพื้นที่ทางตะวันออกของออสเตรีย, โครเอเชีย, โรมาเนีย, ภาคเหนือของเซอร์เบีย, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, ภาคตะวันตกของยูเครน
ชาติพันธุ์ชาวฮังการี
จำนวนผู้พูด13 ล้านคน  (2003–2014)[1]
ตระกูลภาษา
ยูรัล
ระบบการเขียน
สถานภาพทางการ
ภาษาทางการ (ในวอยวอดีนา)
ภาษาชนกลุ่มน้อยที่รับรองใน
ผู้วางระเบียบสถาบันวิจัยภาษาศาสตร์แห่งบัณฑิตยสถานวิทยาศาสตร์ฮังการี (สถาบันภาษาศาสตร์ของฮังการี)
รหัสภาษา
ISO 639-1hu
ISO 639-2hun
ISO 639-3อย่างใดอย่างหนึ่ง:
hun – ฮังการีใหม่
ohu – ฮังการีเก่า
นักภาษาศาสตร์ohu ฮังการีเก่า
Linguasphere41-BAA-a
บริเวณที่ภาษาฮังการีเป็นภาษาหลัก (น้ำเงินเข้ม) หรือเป็นภาษาชนกลุ่มน้อย (น้ำเงินอ่อน) อ้างอิงจากสำมะโนประชากรล่าสุดและซีไอเอเดอะเวิลด์แฟกต์บุ๊ก 2014[6]
บทความนี้มีสัญลักษณ์สัทอักษรสากล หากระบบของคุณไม่รองรับการแสดงผลที่ถูกต้อง คุณอาจเห็นปรัศนี กล่อง หรือสัญลักษณ์อย่างอื่นแทนที่อักขระยูนิโคด
ผู้พูดภาษาฮังการี

การจำแนก

ภาษาฮังการีเป็นภาษาในตระกูลภาษายูรัล (Uralic language family) ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1670 มีการสังเกตเห็นถึงความเชื่อมโยงของภาษาฮังการีและภาษาอื่น ๆ ในตระกูลยูราลิก และได้มีการบัญญัติตระกูลภาษายูรัล ปี ค.ศ.1717 ซึ่งต่อมาได้แบ่งย่อยลงมาได้เป็นกลุ่มภาษาฟินโน-ยูกริก (Finno-Ugric languages) โดยภาษาฮังกาเรียนจัดอยู่ในกลุ่มสาขาภาษายูกริก ร่วมกันภาษาแมนซีและภาษาคานซีในไซบีเรีย แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันในวงการภาษาศาสตร์อย่างกว้างขวาง

ชุดตัวอักษรฮังการี

ชุดตัวอักษรฮังการี (ฮังการี: magyar ábécé) เป็นส่วนขยายของชุดอักษรละตินที่ใช้ในการเขียนภาษาฮังการี ตัวอักษรฮังการีมีพื้นฐานมาจากอักษรละตินโดยมีตัวอักษรที่หลากหลายเพิ่มเข้ามา เพื่อแทนเสียงพยัญชนะและสระที่ไม่มีในภาษาละติน

ชุดตัวอักษรภาษาฮังการีโดยพื้นฐานมีตัวอักษรทั้งหมด 40 ตัว แต่แบบขยาย มีอยู่ 44 ตัว โดยเพิ่มตัวอักษร Q, W, X และ Y ซึ่งพบได้เฉพาะในคำยืมจากภาษาอื่นและในตัวสะกดวิสามานยนามแบบดั้งเดิม

ตัวอักษร 44 ตัว ในชุดตัวอักษรฮังการีแบบขยายมีดังนี้

ตัวพิมพ์ใหญ่
AÁBCCsDDzDzsEÉFGGyHIÍJKLLyMNNyOÓÖŐPQRSSzTTyUÚÜŰVWXYZZs
ตัวพิมพ์เล็ก
aábccsddzdzseéfggyhiíjkllymnnyoóöőpqrsszttyuúüűvwxyzzs

คำอธิบาย

สัญลักษณ์อักษรแต่ละตัวในกล่องด้านบนนับเป็นตัวอักษรเฉพาะในภาษาฮังการี โดยแยกสระเสียงสั้นและเสียงยาว (คล้ายภาษาไทย) เช่น ตัวอักษร o และ ó หรือ ö และ ő นับเป็นคนละตัวอักษร มีตำแหน่งของตัวเองในการเรียงลำดับ ไม่นับว่าเป็นสระเดียวกัน

แม้ว่าสระเสียงสั้นและสระเสียงยาวจะนับเป็นอักษรคนละตัวในในอักษรฮังการี แต่สำหรับพยัญชนะ แม้ว่าจะมีเสียงยาว (หรือมีการซ้ำเสียงต่อเนื่อง) ก็ยังนับเป็นอักษรตัวเดียวกัน

ในภาษาฮังการี การแสดงว่าพยัญชนะนั้นมีเสียงยาว จะทำได้โดยการเขียนอักษรเดียวกันซ้ำสองตัวแทนการใส่เครื่องหมายไว้ด้านบน เช่น tt, gg, zz (ette [ˈɛɛ] 'เขากิน'; gg [fyɡː] 'มันห้อยอยู่'; azzal [ˈɒɒl] 'กับอันนั้น') อย่างไรก็ดี ในภาษาฮังการี จะมีการใช้อักษรพยัญชนะละติน 2 หรือ 3 ตัวมาผสมกันเพื่อแสดงเสียงเสียงเดียว สำหรับเสียงที่ไม่มีในภาษาละติน (คล้ายกับภาษาโปแลนด์) ภาษาฮังการีมีอักษรประสม 9 ตัว คือ cs, dz, dzs, gy, ly, ny, sz, ty, zs

ในการเขียนอักษรพยัญชนะประสม (ประกอบด้วย cs, dz, dzs, gy, ly, ny, sz, ty, zs) ให้แสดงเสียงยาวนั้น ตามหลักการเขียนของภาษาฮังการี จะตัดอักษรด้านหลังตัวพยัญชนะประสมตัวแรกให้เหลือแต่เพียงอักษรละตินตัวแรก แล้วเอามาเขียนติดกับตัวมันเอง เช่น sz + szssz (asszony [ˈɒoɲ] 'ผู้หญิง'); ty + tytty (hattyú [ˈhɒuː] 'หงส์'); dzs + dzsddzs (briddzsel [ˈbrid͡ʒːɛl] 'ด้วยไพ่โปกเกอร์') ยกเว้นเฉพาะคำยาวที่เกิดจากคำสั้น ๆ ประสมกัน เช่น jegygyűrű [ˈjɛɟːyːryː] 'แหวนหมั้น' (jegy [ˈjɛɟ] + gyűrű ɟyːryː]) ไม่มีการตัดอักษรออกให้กลายเป็น jeggyűrű

การออกเสียง

ตารางต่อไปนี้คือการออกเสียงอักษรฮังการีตามหลักภาษาฮังการีมาตรฐาน

อักษรชื่อเรียกหน่วยเสียงเสียงที่ใกล้เคียงในภาษาไทยตัวอย่างเสียงที่ใกล้เคียงในภาษาอื่นหมายเหตุ
Aa/ɒ/เอาะ (แบบไม่มีเสียงกัก)ภาษาไทย: ก๊ก, ล็อ

ภาษาอังกฤษ (แบบบริติช): cot

Áá/aː/อาภาษาไทย: าง, ข้

ภาษาอังกฤษ: father

B/b/ภาษาไทย: บ้าน, บิน, บ่อน

ภาษาอังกฤษ: by, absence

C/ts/ตซภาษาอังกฤษ: pots

ภาษาญี่ปุ่น: 波(なみ、Tsunami)

คล้าย ต กับ ซ รวมกันเป็นเสียงเดียว
Cscsé/tʃ/ภาษาไทย: ช้าง, เชียงใหม่

ภาษาอังกฤษ: check, cheek, etching

D/d/ภาษาไทย: เด็ก, ดิน, ารา

ภาษาอังกฤษ: deck, wide

Dzdzé/dz/ดซ (เสียงก้อง)ภาษาอังกฤษ: kidsเป็นคำที่พบได้น้อยมากในภาษาฮังการี
Dzsdzsé/dʒ/จ (เสียงก้อง)ภาษาอังกฤษ: jam, George, bridge, edge, fridgeเป็นคำที่มักพบในคำทับศัพท์จากภาษาต่างประเทศ
Ee/ɛ/แอะ (แบบไม่มีเสียงกัก)ภาษาอังกฤษ: less, cheque, edge, bed
Éé/eː/เอภาษาอังกฤษ: café
Fef/f/ภาษาอังกฤษ: find, euphoria
G/ɡ/ก (เสียงก้อง)ภาษาอังกฤษ: get, leg, go
Gygyé/ɟ/ดยคล้ายกับคำภาษาอังกฤษ ที่ใช้เสียง /d/ แบบอ่อน คำว่า duke duringออกเสียงคล้าย ด กับ ย มารวมกัน เป็นเสียงเดียว
H/h/ 1. [ɦ]

2.

3. [x]

4. [ç]

ฮ 1. ฮ


2. ไม่ออกเสียง

3. ค, ฮ

4. ช, ฮ

ภาษาอังกฤษ: hi

1. behind 2. honest

3. Loch, Chanukah 4. human

ออกเสียงได้ 4 แบบ ตามแต่ละคำ แต่ส่วนใหญ่ ออกเสียงเหมือน ฮ ในภาษาไทย
Ii/i/อิ (แบบไม่มีเสียงกัก)ภาษาอังกฤษ: sea, key, tree
Íí/iː/อีภาษาอังกฤษ: leek, leave, seed, sea
J/j/ภาษาไทย: ยักษ์, ยี่หร่า, าย

ภาษาอังกฤษ: you, yes, faith

K/k/ภาษาไทย: อง, ไก่

ภาษาอังกฤษ: ski, scar, mask

Lel/l/ภาษาอังกฤษ: leave, list
Lyelly, el-ipszilon/j/

/ /ʎ/

ย / ลยภาษาอังกฤษ: play, prayในปัจจุบัน ly ออกเสียงเหมือน j หรือ ย ตามภาษาฮังการีมาตรฐานเนื่องจากการเปลี่ยนไปของสำเนียงการพูดภาษาฮังการี
Mem/m/ภาษาอังกฤษ: mind, assume, might
Nen/n/: [ŋ]

[n]

ง (เมื่อนำหน้า k, g)

ภาษาอังกฤษ: thing, lying (ก่อนตัว k, g),need, bone (ที่อื่น ๆ)ออกเสียงเหมือน ง เมื่อนำหน้า k, g แต่ออกเสียงเหมือน น เมื่อนำหน้าเสียงพยัญชนะอื่นทั้งหมด
Nyeny/ɲ/ญ, นยภาษาอังกฤษ: canyon

ภาษาสเปน: niño

ออกเสียงเหมือน ญ ในภาษาไทยโบราณ ภาษาไทยถิ่นเหนือ และภาษาไทยถิ่นอีสาน
Oo/o/โอะ (แบบไม่มีเสียงกัก)ภาษาอังกฤษ: force, sorcerer
Óó/oː/โอ
Öö/ø/เออะ (แบบไม่มีเสียงกัก)ตัว ö ในภาษาเยอรมัน
Őő/øː/เออคล้ายตัว ö ในภาษาเยอรมัน แต่เสียงยาว
P/p/ภาษาไทย: า, ระเทศ
(Q)ออกเสียงเหมือน k พบในคำทับศัพท์เท่านั้น
Rer/r/ภาษาไทย: เรียน, รู้ร เรือ แบบรัวลิ้น ในภาษาไทยมาตรฐาน และเหมือนกับเสียงของ rr ในภาษาสเปน
Ses/ʃ/ช (เสียงภาษาอังกฤษ: share, wish, shoutการเขียนโดยใช้ s เป็นเสียง /ʃ/ และ sz เป็นเสียง /ʃ/ เป็นสิ่งที่พบได้น้อยมาก ในระบบการเขียนของยุโรป มีเพียงภาษาฮังการีที่เขียนแบบนี้
Szesz/s/ภาษาอังกฤษ: say, estimate
T/t/ภาษาอังกฤษ: star, least, feast
Tytyé/c/ภาษาอังกฤษ: tubeคล้าย ต กับ ย รวมกันเป็นเสียงเดียว
Uu/u/ภาษาอังกฤษ: rude
Úú/uː/อูภาษาอังกฤษ: do, fool
Üü/y/อึ (แบบไม่มีเสียงกัก)ตัว ü ในภาษาเยอรมัน
Űű/yː/อือตัว ü ในภาษาเยอรมัน แต่เสียงยาว
V/v/ฟ, วภาษาอังกฤษ: very, every
(W)dupla vé/v/ฟ, วภาษาอังกฤษ: view, evolve, vacuumออกเสียงเหมือน v พบในคำทับศัพท์เท่านั้น
(X)ikszกซออกเสียงเหมือน k + sz พบในคำทับศัพท์เท่านั้น
(Y)ipszilon/i/อิ (แบบไม่มีเสียงกัก)ภาษาอังกฤษ: happyออกเสียงเหมือน i พบในคำทับศัพท์เท่านั้น
Z/z/ซ (เสียงก้อง)ภาษาอังกฤษ: desert, roses
Zszsé/ʒ/ช (เสียงก้อง)ภาษาอังกฤษ: pleasure, leisure

ตัวอักษร ë ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชุดตัวอักษรฮังการี อย่างไรก็ตาม นักภาษาศาสตร์ใช้ตัวอักษรนี้เพื่อจำแนกความต่างระหว่างเสียง e สั้น สองชนิด (แอะ และ เอะ) ในบางภาษาถิ่นของภาษาฮังการี มีการใช้อักษรนี้ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1770 โดยเยิดย์ ก็อลมาร์ (György Kalmár) แต่อักษรนี้ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของชุดตัวอักษรฮังการีมาตรฐาน เนื่องจากในภาษาฮังการีมาตรฐานไม่ได้จำแนกความต่างระหว่างเสียงทั้งสองนี้ (อย่างที่ในภาษาไทยแยกเสียง แอะ และ เอะ ออกจากกัน) อย่างไรก็ตาม เสียง ë (เอะ) ออกเสียงต่างจากเสียง e (แอะ) ในภาษาถิ่นของภาษาฮังการี 6 ภาษาจาก 10 ภาษา และออกเสียงอย่าง ö (เออะ) ในภาษาถิ่นของภาษาฮังการี 1 ภาษา (ภาษาถิ่นทรานซิลเวเนีย)

ทวิอักษร ch ยังปรากฏอยู่ในบางคำ (เช่น technika, monarchia) และออกเสียงเหมือนกับ h ส่วนในวิสามานยนาม ch จะออกเสียงเหมือน cs หรือบางครั้งออกเสียงเป็น h หรือ k (แบบภาษาเยอรมัน)

การเขียนแบบเดิม ที่ยังใช้ในชื่อเฉพาะและเอกสารทางประวัติศาสตร์

การเขียนแบบดั้งเดิม (บางส่วนมีความใกล้เคียงกับการเขียนแบบเยอรมัน) มีการใช้ในชื่อเฉพาะที่เป็นภาษาฮังการี โดยตารางด้านล่างจะเปรียบเทียบการเขียนแบบดั้งเดิม กับการอ่านออกเสียงแบบปัจจุบัน ตามการสะกดของภาษาฮังการีมาตรฐาน ดังนี้:

การเขียนแบบดั้งเดิมการอ่านออกเสียงตามหลักสมัยใหม่
พยัญชนะ
bbb
czc
tzc
zc
chcs
czcs
čcs
ćcs
tscs
cshcs
tschcs
tzschcs
chscs
cycs
ʟcs
ddd
dszdz
dsdzs
fff
phf
ghg
dgyggy
dygy
ggy
gigy
gjgy
gʹ~g′gy
ǵgy
ġgy
jgy
jjj
lj
yj
ckk
khk
xks
xyksz
xzksz
qukv
lll
lll
wlv
jly
lly
lily
ryly
llyly
′l(ʹl)~l′(lʹ)~ŀly
nny
niny
nʹ~n′ny
ńny
ny
myny
php
ppp
rhr
rrr
r
schs
sss
ssssz
ssz
scsz
sysz
zsz
tht
ttt
tity
tʹ~t′ty
ty
kyty
uv
wv
sz
szs
sszs
zyzs
['s]zs

[7]

การเขียนแบบดั้งเดิมการอ่านตามหลักสมัยใหม่
สระ
aá
aaá
á
áhá
äe
aee
aie
aye
áeé
áié
áyé
eé
eeé
é
éhé
ií
í
íhí
iií
í
åo
oó
óhó
ooó
ó
uaó
âö
åeö
åiö
åyö
ö
ewö
oeö
oiö
oyö
ő
ő
ewő
iaő
öő
őhő
ööő
öőő
óeő
óiő
óyő
üaő
uú
úhú
ú
uuú
ú
ueü
uiü
uyü
üű
űhű
üőű
üüű
üűű
úeű
úiű
úyű
aj
aj
aÿaj
eiaj
áëáj
áïáj
áÿáj
åëoj
åïoj
åÿoj
euoj
oj
oj
oÿoj
óëój
óïój
óÿój
auuj
uj
uj
uÿuj
úëúj
úïúj
úÿúj
(g)y ~ gÿgi
yji
ý
(l)y ~ lÿ(l)i
(n)y ~ nÿ(ny)i or (n)i
(t)y ~ tÿti

โดยทั่วไปแล้ว ตัว y ในการเขียนแบบดั้งเดิมนั้น มักจะอ่านเป็น i ในการอ่านแบบปัจจุบัน (ตย..: Teleky, Rákóczy, zsy). ด้านล่างนี้คือตัวอย่างการอ่านด้วยหลักปัจจุบัน ที่มักจะมีการอ่านผิด เนื่องจากการสะกดที่ใช้หลักต่างจากปัจจุบัน มักพบในชื่อนามสกุล

ตัวอย่าง:

ชื่อการอ่านตามหลักสมัยใหม่
MadáchMadács
SzéchenyiSzécsényi หรือSzécsenyi
BatthyányBattyányi
GajdátsyGajdácsi
ThökölyTököli
WeöresVörös
EötvösÖtvös
KassayKassai
DebrődyDebrődi
KarczagyKarcagi
VörösmartyVörösmarti
CházárCsászár
CzukorCukor
BaloghBalog
VarghaVarga
PaalPál
GaálGál
VeérVér
RédeyRédei
SoósSós
Thewrewkrök
DessewffyDezsőfi

ตัวนำหน้านาม และ คำเชื่อม แบบดั้งเดิม

ในอดีต การเรียนคำนำหน้านาม a/az มีหลักการเขียนดังนี้:

  • คำว่า az ก่อนสระและ h เช่น az ember (คน), az híd (สะพาน) ปัจจุบันจะเขียนแบบนี้หน้าสระเท่านั้น
  • ก่อนสระ — a': a' csillag (ดวงดาว) ปัจจุบันเขียนโดยไม่ใช้ดัวอาฟอสโตรฟี

มีการย่อคำว่า és (และ) ปัจจุบันจะย่อว่า s จะเขียนโดยใช้ตัวอาฟอสโตรฟีไว้ด้านหน้า เช่น ’s (เช่น föld ’s nép แผ่นดินและผู้คน)

การเรียงคำในพจนานุกรม

ถึงแม้ว่าอักษรฮังการีจะแยกอักษรเสียงสั้น และ เสียงยาม ให้เป็นอักษรคนละตัว แต่ในเวลาที่มีการเรียงคำในพจนานุกรม หรือ อรรถาภิธาน จะนับให้อยู่ในหมวดเดียวกัน อาทิเช่น O/Ó และ Ö/Ő จะไม่มีการแยกกันเป็นคนละหมวด แต่ระหว่าง Ö และ O จะแยกหมวดกัน โดย O มาก่อน Ö

การเรียงคำคำเดียวกัน จะมีการเรียงอักษรที่ข้างหน้าเป็นพิมพ์เล็ก มาก่อนพิมพ์ใหญ่ ซึ่งเป็นชื่อเฉพาะ อาทิ varga ตามมาด้วยคำว่า Varga.)

The polygraphic consonant signs are treated as single letters.

comb
cukor
csak<cs> มาหลัง <c>
...
folyik
folyó<ó> นับเป็นหมวดเดียวกับ <o>
folyosó
...
<ő> นับเป็นหมวดเดียวกับ <ö>,
födémแต่ <ö> ตามหลัง <o>
...

สระเสียงยาวบางคำเป็นการรวมกันของสระประสมสองตัวขึ้นไป เช่น <nny>, <ssz> จะนับการเรียงเป็น <ny>+<ny>, <sz>+<sz> เป็นต้น

könnyű จะมีการเรียงคำเป็น <k><ö><ny><ny><ű>. tizennyolc จะมีการเรียงคำเป็น <t><i><z><e><n><ny><o><l><c>
คำว่า házszám 'บ้านเลขที่' = ház (บ้าน) + szám (เลขที่) ไม่ได้มาจากคำว่า *házs + *zám จึงต้องเรียงคำเป็น <h><á><z><sz><á><m>

การเรียงแบบนี้ ทำให้การเรียงภาษาฮังการีตามหลักอัลกอริทึมโดยคอมพิวเตอร์นั้นทำได้ค่อนข้างยาก เป็นปัญหาใหญ่ในการพัฒนาซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์

แป้นพิมพ์ภาษาฮังการี

แป้นพิมพ์ภาษาฮังการีมาตรฐานจะใช้ระบบแบบเยอรมัน (QWERTZ). ซึ่งทำให้มีพื้นที่พอที่รองรับอักษรภาษาฮังการีได้ทุกตัว

Hungarian keyboard layout

อักษร "Í" มักจะอยู่ด้านซ้ายของ spacebar และกินพื้นที่ของ shift อักษร "Ű" มักอยู่ด้านซ้ายของ backspace ทำให้เสียพื้นที่บางส่วนของ backspace ไป Ű มักถูกกดแทนที่ Enter บนแป้งภาษาฮังการีมีอักษรเยอรมัน "ß" และอักษร "Ł" ของภาษาโปแลนด์ แป้นฮังการีมาตรฐานสามารถเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์พิเศษได้ด้วยการกดปุ่ม Alt Gr (ต่างจากของภาษาไทยที่กดปุ่ม Shift)

อัตราการใช้ตัวอักษรแต่ละตัว

อักษรที่พบมากที่สุดในภาษาฮังการี คือ e และ a[8]

ตารางด้านล่างแสดงอัตราการใช้อักษรฮังการีแต่ละตัว ตั้งแต่มากที่สุดไปหาน้อยที่สุด

ตัวอักษรความถี่ที่พบ
e12.256%
a9.428%
t7.380%
n6.445%
l6.383%
s5.322%
k4.522%
é4.511%
i4.200%
m4.054%
o3.867%
á3.649%
g2.838%
r2.807%
z2.734%
v2.453%
b2.058%
d2.037%
sz1.809%
j1.570%
h1.341%
gy1.185%
ő0.884%
ö0.821%
ny0.790%
ly0.738%
ü0.655%
ó0.634%
f0.582%
p0.509%
í0.499%
u0.416%
cs0.260%
ű0.125%
c0.114%
ú0.104%
zs0.021%
dz<0.010%
dzs<0.010%
ty<0.010%

ไวยากรณ์ภาษาฮังการี

ภาษาฮังการีเป็นภาษาคำติดต่อ (agglutinative language) เป็นภาษาที่ใช้หน่วยคำเติม (affix) จำนวนมาก โดยเฉพาะหน่วยคำเติมท้าย (suffix) หลังคำแต่ละคำในประโยค เพื่อเปลี่ยนความหมายของคำ รวมถึงใช้แสดงให้เห็นว่าคำคำนั้นมีหน้าที่ทางไวยากรณ์ใดในประโยค (เช่น เป็นประธาน, เป็นกรรม) โดยหน่วยคำเติมท้ายสามารถเปลี่ยนรูปไปได้หลายแบบเพื่อความไพเราะและความสะดวกในการออกเสียงตามหลักการสอดคล้องกลมกลืนของสระ (vowel harmony) ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับภาษาฮังการี

คำกริยาในภาษาฮังการีสามารถใช้วางหน่วยคำเติมไว้ด้านหน้าและด้านหลังเพื่อเปลี่ยนความหมายของคำกริยาได้ ซึ่งจะแสดงความชี้เฉพาะ (definiteness) ว่าเป็นคำกริยาที่เจาะจงการกระทำไปที่วัตถุใดวัตถุหนึ่งเป็นพิเศษ หรือการกระทำไม่ได้มีการเจาะจงว่าต้องเป็นวัตถุชิ้นนั้น ๆ, แสดงกาล (tense) ว่ากริยานี้เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต, แสดงบุรุษ (person) ว่าคำกริยานั้นมีใครเป็นประธาน (ฉัน เธอ เขา พวกฉัน พวกเธอ พวกเขา), แสดงมาลา (mood) ของคำกริยานั้น ๆ และแสดงพจน์หรือจำนวน (number) ได้

นามในภาษาฮังการีสามารถผันโดยใช้หน่วยคำเติมท้ายแสดงการก (case) ทั้งหมด 18 หน่วยคำ ส่วนใหญ่สอดคล้องกับคำบุพบทในภาษาอังกฤษ

รูปแบบการเรียงลำดับคำในประโยคของภาษาฮังการีนั้นไม่ได้มีการจำกัดไว้อย่างตายตัวอย่างภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษที่มีโครงสร้างแบบประธาน-กริยา-กรรม กำหนดไว้โดยหลักการทางภาษา โดยไม่สามารถสลับประธาน–กริยา–กรรมในประโยคได้ แตกต่างจากภาษาฮังการีซึ่งสามารถเรียงประโยคได้อย่างค่อนข้างอิสระ วางประธาน–กริยา–กรรมสลับกันได้ ภาษาฮังการีเป็นภาษาเน้นหัวข้อ (topic-prominent language) กล่าวคือ การเรียงลำดับคำในประโยคภาษาฮังการีจะเน้นไปที่หัวข้อ (topic) ในประโยคที่ผู้พูดอยากให้ความสำคัญในการสื่อสารเป็นหลัก การเรียงประโยคต่างกันก็จะมีการเน้นความสำคัญกับสิ่งที่ต้องการสื่อสารต่างกันไป

ลำดับคำ

ประโยคภาษาฮังการีที่เป็นกลาง (ไม่มีการเน้นความสำคัญสิ่งใดในประโยคเลย) จะมีลำดับคำแบบประธาน–กริยา–กรรมเหมือนภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ภาษาฮังการีเป็นภาษาที่ไม่จำเป็นต้องระบุหัวเรื่องอย่างชัดเจน และไม่จำเป็นต้องมีการเรียงตามที่หลักภาษากำหนด แต่จะมีการเรียงตามลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องการพูดในประโยคแทน โดยจะวางคำที่ต้องการให้เป็นจุดสำคัญของประโยคไว้หน้าคำกริยาแท้ (finite verb)

ประโยคฮังการีมักจะแบ่งได้เป็น 4 ส่วน ได้แก่ หัวข้อ (topic), จุดสำคัญ (focus), คำกริยา (verb) และข้อความส่วนที่เหลือ แต่ก็ไม่จำเป็นว่าในทุกประโยคจะต้องมีครบทั้งสี่อย่าง ในหนึ่งประโยค หัวข้อและข้อความส่วนที่เหลือจะมีกี่วลีก็ได้ แต่จุดสำคัญสามารถมีได้เพียงวลีเดียวเท่านั้น

การเน้นความสำคัญของคำในประโยค

ตารางด้านล่างแสดงให้เห็นคุณสมบัติการเรียงคำแบบสลับกัน เพื่อเน้นความสำคัญของสิ่งที่ผู้พูดต้องการสื่อในภาษาฮังการี โดยประโยคด้านล่างมาจากประโยคที่เป็นกลางว่า János tegnap elvitt két könyvet Péternek. ("ยาโนชเอาหนังสือ 2 เล่มไปให้เปแตร์เมื่อวาน") ประโยคนี้มีวลีหลัก ๆ อยู่ 4 วลี ได้แก่ János ("ยาโนช" เป็นชื่อบุคคลชาย), Péternek ["เปแตร์" เป็นชื่อบุคคลชาย; -nek คือหน่วยคำเติมหลังที่แสดงว่าเป็นผู้ที่ประธาน (ยาโนช) เอาสิ่งของให้"], két könyvet ("หนังสือ 2 เล่ม"; ตัว -et ข้างหลังหมายความว่าหนังสือ 2 เล่มนี้เป็นกรรม) และ tegnap ("เมื่อวาน")

หัวข้อจุดสำคัญคำกริยาข้อความส่วนที่เหลือความหมายพิเศษที่แฝงไว้ในประโยค
Jánostegnapelvittkét könyvet Péternek.ยาโนชเอาหนังสือสองเล่มไปให้เปแตร์เมื่อวานนี้ (กิจกรรมนี้เสร็จสมบูรณ์แล้วและไม่มีการเน้นอะไรในประโยคเป็นพิเศษ)
Jánostegnapkét könyvetvitt elPéternek.สิ่งที่ยาโนชเอาไปให้เปแตร์เมื่อวานนี้คือ หนังสือ 2 เล่ม โดยเน้นว่าสิ่งที่เอาไปให้คือหนังสือ 2 เล่มจริง ๆ
Jánostegnapvitt elkét könyvet Péternek.เมื่อวานนี้ คือเวลาที่ยาโนชเอาหนังสือสองเล่มไปให้เปแตร์
Jánosvitt eltegnap két könyvet Péternek.ยาโนช คือคนที่เอาหนังสือไปให้เปแตร์เมื่อวานนี้
Péternekvitt eltegnap János két könyvet.เปแตร์ คือคนที่ยาโนชเอาหนังสือไปให้เมื่อวานนี้
JánostegnapPéternekvitt elkét könyvet.เมื่อวานนี้ยาโนชหยิบหนังสือสองเล่มมาให้กับเปแตร์โดยเฉพาะ ไม่ได้เอาไปให้ใครอื่น
ElvittJános tegnap két könyvet Péternek.ยาโนชเอาหนังสือสองเล่มไปให้เปแตร์เมื่อวานนี้ (การดำเนินการเสร็จสิ้นและตอนนี้หนังสืออยู่ที่บ้านของเปแตร์แล้ว)
Két könyvettegnapelvittJános Péternek.ยาโนชเอาหนังสือสองเล่มไปให้เปแตร์ (บางทีอาจเอาของอย่างอื่นไปให้เขาด้วย อย่างไรก็ตามหนังสือทั้งสองเล่มอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ตัวอย่างเช่น ยาโนชอาจทิ้งเอกสารของเปแตร์ไว้ที่บ้าน)
Két könyvetvitt elJános tegnap Péternek.ยาโนชเอาเพียงหนังสือ 2 เล่มไปให้เปแตร์ โดยไม่ได้เอาอย่างอื่นไปให้ด้วย

ถ้าในประโยคใดมีจุดสำคัญปรากฏอยู่ หน่วยคำเติมหน้า (prefix) ที่อยู่หน้าคำกริยา เช่น el ใน elvitt จะย้ายไปอยู่ด้านหลังคำกริยาแทน กล่าวคือ พูดหรือเขียนเป็น vitt el แทนที่จะเป็น elvitt นับเป็นคุณสมบัติของภาษาฮังการีโดยเฉพาะ ปัญหาก็คือว่า ในกรณีประโยคนั้นใช้คำกริยาที่ไม่มีหน่วยคำเติมหน้า หากมีคำคำหนึ่งเรียงอยู่หน้าคำกริยา ก็จะเกิดความกำกวมว่าคำคำนั้นเป็นหัวข้อหรือเป็นจุดสำคัญ เช่นในประโยค Éva szereti a virágokat. ("เอวอชอบดอกไม้") คำว่า Éva ("เอวอ" เป็นชื่อบุคคลหญิง) อาจเป็นหัวข้อของประโยค และประโยคนี้เป็นประโยคแบบไม่มีจุดสำคัญ หรือคำว่า Éva อาจเป็นจุดสำคัญของประโยคซึ่งเน้นประโยคนี้ว่า "เอวอคือคนที่ชอบดอกไม้ (และไม่ใช่คนอื่น)"

ประโยคการตีความ
Éva szereti a virágokat.เอวอชอบดอกไม้
Szereti Éva a virágokat.เอวอชอบดอกไม้ (ถึงแม้คนอื่นอาจจะไม่คิดแบบนั้นก็ตาม)
Éva szereti a virágokat.เอวอชอบดอกไม้ (และไม่ใช่คนอื่นที่ชอบดอกไม้)
Éva a virágokat szereti.เอวอชอบดอกไม้ (และไม่ใช่อย่างอื่น)
A virágokat Éva szereti.คนที่ชอบดอกไม้ก็คือเอวอ (ไม่ใช่คนอื่น ส่วนคนอื่นอาจจะชอบอย่างอื่น)
A virágokat szereti Éva.สิ่งที่เอวอชอบคือดอกไม้ (และไม่ชอบอย่างอื่นแล้ว)

ระบบหน่วยคำ

ภาษาฮังการีเป็นภาษาคำติดต่อ ข้อมูลต่าง ๆ ในภาษาฮังการีนั้นเกือบทั้งหมดจะใช้หน่วยคำเติมท้ายในการบอกเล่า เช่น "อยู่บนโต๊ะ" = asztalon (หน่วยคำเติมท้ายบ่งบอกพื้นที่), เมื่อ 5 โมง = öt órakor (หน่วยคำเติมท้ายบ่งบอกเวลา) เป็นต้น แต่ก็ยังมีหน่วยคำเติมหน้าอยู่ 1 หน่วยคำ คือ leg- ซึ่งใช้บ่งบอกว่าสิ่งนี้คือที่สุด (superlative)

ตัวอย่างการวางหน่วยคำเติมท้ายในภาษาฮังการี

ในภาษาฮังการี มีการใช้เสียงเฉพาะเจาะจง (case/preposition) ลงท้ายที่แตกต่างกันสำหรับคำสรรพนามแต่ละตัว มีอยู่ทั้งหมด 8 แบบ สำหรับคำสรรพนามบุรุษที่ 1, 2 และ 3 (ฉัน เธอ เขา พวกเรา พวกเธอ พวกเขา คุณ พวกคุณ) โดยสามารถต่อกับคำสรรพนามเพื่อเปลี่ยนเป็นกรรมของประโยค (accusative), ต่อคำปัจฉบท (postposition) เพื่อเปลี่ยนบุคคลที่พูดถึง, ต่อคำนามเพื่อเปลี่ยนเป็นกรรม แสดงความเป็นเจ้าของ หรือเปลี่ยนเป็นพหูพจน์, และต่อกับคำกริยา เพื่อเปลี่ยนประธานผู้กระทำ และเปลี่ยนคำกริยาให้เป็นแบบชี้เฉพาะหรือไม่ชี้เฉพาะ

คำสรรพนามคำปัจฉบทคำนามคำกริยาส่วนมูลฐาน

ที่ใช้เติมข้างท้าย

ประธานกรรม+ หน่วยคำเติมท้าย

แสดงบุคคล

+ หน่วยคำเติมท้าย

แสดงบุคคล

+ หน่วยคำเติมท้าย

แสดงความเป็นเจ้าของ

กริยาปัจจุบัน

แบบไม่ชี้เฉพาะ

กริยาปัจจุบัน

แบบชี้เฉพาะ

ผู้กระทำ

(เช่น ฉันตีเขา)

ผู้ถูกกระทำ

(เช่น เขาตีฉัน)

อยู่ที่ฉัน

(เช่น ปากกาอยู่ที่ฉัน)

อยู่ข้างใต้ฉันหอพักของฉันฉันเห็นมัน

(สิ่งไม่ชี้เฉพาะเช่น หมาตัวหนึ่ง)

ฉันเห็นมัน

(สิ่งชี้เฉพาะเช่น หมาตัวนั้น)

én ("ฉัน")engemnálamalattamlakásomlátoklátom-m โดยใช้สระเชื่อม -o/(-a)/-e/-ö หรือ -a/-eตามหลักการสอดคล้องกลมกลืนของสระ
te ("เธอ")tégednáladalattadlakásodlátszlátod-d โดยใช้สระเชื่อม -o/(-a)/-e/-ö หรือ -a/-eตามหลักการสอดคล้องกลมกลืนของสระ
ő ("เขา, มัน")őtnálaalattalakásalátlátja-a/-e
mi ("พวกเรา")minketnálunkalattunklakásunklátunklátjuk-nk โดยใช้สระเชื่อม -u/-üตามหลักการสอดคล้องกลมกลืนของสระ
ti ("พวกเธอ")titeketnálatokalattatoklakásotokláttoklátjátok-tok/-tek/-tök
ők ("พวกมัน")őketnálukalattuklakásuklátnaklátják-k
สรรพนาม "คุณ, ท่าน"

(ทางการ)

Maga ใช้สำหรับผู้ใหญ่พูดกับผู้น้อย เช่น หัวหน้าพูดกับพนักงาน, คนแก่พูดกับเด็ก

Ön ใช้สำหรับผู้น้อยพูดกับผู้ใหญ่ เช่น พนักงานพูดกับหัวหน้า, เด็กพูดกับคนแก่

แต่หากสนิทกันแล้ว อาจเรียกกันโดยใช้คำสรรพนามที่ไม่เป็นทางการได้

Ön,

Maga ("คุณ")

ÖntMagátÖnnélMagánálÖn alattMaga alattaz Ön lakásaa Maga lakásaÖn látMaga látÖn látjaMaga látja(-a/-e)
Önök,

Maguk ("พวกคุณ")

ÖnöketMagukatÖnöknélMaguknálÖnök alattMaguk alattaz Önök lakásaa Maguk lakásaÖnök látnakMaguk látnakÖnök látjákMaguk látják(-k)

การใช้หน่วยคำเติมท้ายตามหลักการสอดคล้องกลมกลืนของสระ

เปิดกลางปิด
ต่ำa áo óu ú
สูงปากไม่ห่อ e éi í
ปากห่อ ö őü ű

การเลือกหน่วยคำเติมท้ายในการต่อหลังคำในภาษาฮังการี ต้องใช้หลักการสอดคล้องกลมกลืนของสระต่ำ (low vowel) และสระสูง (high vowel) และหน่วยคำเติมท้ายบางตัวก็ยังแยกระหว่างสระปากไม่ห่อ (unrounded vowel ประกอบด้วย e, é, i, í) กับสระปากห่อ (rounded vowel ประกอบด้วย ö, ő, ü, ű)

หน่วยคำเติมท้ายคำต่อท้ายทั้งหมดในภาษาฮังการีสำหรับการกระจายคำกริยา (ให้เป็นกริยาแบบชี้เฉพาะและกริยาแบบไม่ชี้เฉพาะ), สำหรับแสดงความเป็นเจ้าของ, สำหรับการต่อคำบุพบทเพื่อเปลี่ยนบุคคลที่พูดถึง, และคำต่อท้ายที่เป็นเจ้าของ มีรูปแบบการใช้โดยใช้ "เสียงสระ" ของคำในการตัดสินว่าจะใช้หน่วยคำเติมท้ายเสียงใดในการต่อ ซึ่งตามหลักภาษาฮังการีสามารถแบ่งสระได้เป็น 6 แบบ (สระต่ำ, สระสูง, สระเสียงยาว, สระเสียงสั้น, สระปากห่อ และสระปากไม่ห่อ)

หมายเหตุ

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง