ภาษากงกัณ

ภาษากงกัณ (Kōṅkaṇī) เป็นภาษากลุ่มอินโด-อารยันที่พูดโดยชาวกงกัณส่วนใหญ่ในแคว้นชายฝั่งตะวันตก (กงกัณ) ของอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 22 รายการภาษาที่ถูกระบุในกำหนดรายการที่แปดของรัฐธรรมนูญอินเดีย[8] และเป็นภาษาทางการของกัว จารึกภาษากงกัณอักแรกเขียนใน ค.ศ. 1187[9] ภาษานี้เป็นภาษาชนกลุ่มน้อยในรัฐกรณาฏกะ, รัฐมหาราษฏระ, รัฐเกรละ,[10] รัฐคุชราตและดาดราและนครหเวลี และดามันและดีอู

ภาษากงกัณ
कोंकणी / ಕೊಂಕಣಿ/ Konknni/ കോങ്കണീ/ کونکڼی
"กงกัณ" ที่เขียนในอักษรเทวนาครี
ออกเสียง[kõkɳi] (ตัวภาษา), [kõkɵɳi] (แผลงเป็นอังกฤษ)
ประเทศที่มีการพูดประเทศอินเดีย
ภูมิภาคกงกัณ (รวมกัวและพื้นที่ชายฝั่งของรัฐกรณาฏกะ, มังคาลอร์, รัฐมหาราษฏระและบางส่วนของรัฐเกรละ, รัฐคุชราต (Dang district) และ Dadra and Nagar Haveli and Daman and Diu)[1][2]
ชาติพันธุ์ชาวกงกัณ
จำนวนผู้พูด2.3 ล้าน  (2011 census)[3]
ตระกูลภาษา
ภาษาถิ่น
กลุ่มสำเนียง: Canara Konkani, Goan Konkani, Maharashtrian Konkani
สำเนียงเฉพาะ: Malvani, Mangalorean, Chitpavani, Antruz, Bardeskari, Saxtti, Daldi, Pednekari, Koli และ Aagri[4]
ระบบการเขียนอดีต:
พราหมี
Nāgarī
Goykanadi
โมฑี
ปัจจุบัน: เทวนาครี (ทางการ)[note 1]
โรมัน[note 2]
กันนาดา[note 3]
มลยาฬัม[5]
สถานภาพทางการ
ภาษาทางการ อินเดีย
ผู้วางระเบียบKarnataka Konkani Sahitya Academy และรัฐบาลกัว[7]
รหัสภาษา
ISO 639-2kok
ISO 639-3kok – รหัสรวม
รหัสเอกเทศ:
gom – Goan Konkani
knn – Maharashtrian Konkani
พื้นที่ที่มีผ้พูดภาษากงกัณเป็นภาษาแม่ในประเทศอินเดีย

ลักษณะ

ภาษากงกัณ (กงกณีภาษา) เป็นภาษาที่มีความหลากหลายในด้านการเรียงประโยคและรูปลักษณ์ของภาษา ไม่อาจจำแนกได้ว่าเป็นภาษาที่ใช้การเน้นเสียงหรือเป็นภาษาที่มีวรรณยุกต์ [11] เป็นภาษาที่แยกเสียงสั้นยาวของสระเช่นเดียวกับภาษาในกลุ่มอินโด-อารยันอื่น ๆ พยางค์ที่มีสระเสียงยาวมักเป็นพยางค์ที่เน้น

ภาษากงกัณมีสระพื้นฐาน 16 เสียง พยัญชนะ 36 เสียง เสียงกึ่งสระ 5 เสียง เสียงออกตามไรฟัน 3 เสียง เสียงระบายลม 1 เสียง และมีเสียงประสมจำนวนมาก ความแตกต่างของสระนาสิกเป็นลักษณะพิเศษของภาษากงกัณ

สระ

สระ
หน้ากลางหลัง
ปิดi ĩu ũ
กลางปิดe ɵ ɵ̃o õ
กลางเปิดɛ ɛ̃ʌɔ ɔ̃
เปิด(æ)a ã

พยัญชนะ

พยัญชนะ
ริมฝีปากฟัน/
ปุ่มเหงือก
ปลายลิ้นม้วนหลัง
ปุ่มเหงือก
เพดานอ่อนเส้นเสียง
หยุดp (pʰ)
b
t
d
ʈ ʈʰ
ɖ ɖʱ
k
ɡ ɡʱ
 
กักเสียดแทรกts tsʰ
dz dzʱ
tɕʰ
dʑʱ
 
เสียดแทรกf s ɕ h
นาสิกm n ɳ ɳʱɲŋ
เหลวʋ ʋʱɾ ɾʱ
l
ɽ
แม่แบบ:PUA[12]
j  

ประวัติ

จุดเริ่มต้น

ภาษากงกัณพัฒนาขึ้นในบริเวณกงกัณซึ่งเป็นฉนวนแผ่นดินแคบ ๆ ระหว่างเขตภูเขาสหยทริและทะเลอาหรับทางฝั่งตะวันตกของอินเดีย โดยเฉพาะในโคมันตัก (ปัจจุบันคือกัว) ทฤษฎีเกี่ยวกับกำเนิดของภาษากงกัณมีสองแบบคือ

  • ต้นกำเนิดของภาษากงกัณคือกลุ่มพราหมณ์สรสวัต ผู้อยู่ตามฝั่งแม่น้ำสรวสวตีในอินเดียตะวันตกเฉียงเหนือเมื่อประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว จากการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำเมื่อราว 1,357 ปีก่อนพุทธศักราช ทำให้มีการอพยพ กลุ่มผู้อพยพกลุ่มหนึ่งเข้ามาตั้งหลักแหล่งในบริเวณโคมันตัก คนกลุ่มนี้พูดภาษาปรากฤต (ภาษาเศารเสนี) ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นภาษากงกัณ[13]
  • ภาษากงกัณเป็นภาษาท้องถิ่นที่ใช้พูดในหมู่ชาวโกกนาซึ่งถูกทำให้เป็นสันสกฤต ชนกลุ่มนี้ปัจจุบันอยู่ในทางเหนือของรัฐมหาราษฏระและทางใต้ของรัฐคุชราตแต่อาจจะมีต้นกำเนิดมาจากเขตกงกัณ ผู้อพยพชาวอารยันที่เข้าสู่กงกัณนำภาษาของคนในท้องถิ่นมาใช้และเพิ่มศัพท์จากภาษาปรากฤตและภาษาสันสกฤตเข้าไป [14]

ช่วงแรก

ภาษากงกัณเป็นภาษาหลักในกัว เริ่มแรกเขียนด้วยอักษรพราหมี ต่อมาจึงเขียนด้วยอักษรเทวนาครี ใช้ในทางศาสนาและการค้ารวมทั้งในชีวิตประจำวัน

กลุ่มชนอื่น ๆ ที่ใช้ภาษากงกัณสำเนียงต่าง ๆ ได้แก่ชาวกงกัณมุสลิมในเขตรัตนกาลีและภัตกัล ซึ่งมีลักษณะของภาษาอาหรับเข้ามาปนมาก ชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ใช้ภาษากงกัณคือชาวสิททิสซึ่งมาจากเอธิโอเปีย[15]

การอพยพและการแยกเป็นส่วน

การเข้ามาของโปรตุเกสทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากในหมู่ของชาวกงกัณ ชาวกงกัณบางส่วนเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์และอิทธิพลทางศาสนาของโปรตุเกสทำให้ชาวกงกัณบางส่วนอพยพออกไป การแบ่งแยกระหว่างชาวกงกัณที่นับถือศาสนาฮินดูและคริสต์ทำให้ภาษากงกัณแตกเป็นหลายสำเนียงยิ่งขึ้น

ภาษานี้แพร่ไปสู่เขตจนระหรือกรวลี (ชายฝั่งของการณตกะ) โกกัน-ปัตตะ (ชายฝั่งกงกัณ ส่วนของรัฐมหาราษฏระ) และรัฐเกราลาในช่วง 500 ปีหลัง การอพยพของชาวกงกัณมีสาเหตุมาจากการปกครองกัวของโปรตุเกส

การอพยพของชาวคริสต์และฮินดูเกิดเป็น 3 ระลอก การอพยพครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2103 ซึ่งเป็นช่วงแรกที่โปรตุเกสเข้ามาปกครองกัว ครั้งที่ 2 เกิดเมื่อ พ.ศ. 2114 ในสงครามกับสุลต่านพิชปูร์ การอพยพครั้งที่ 3 เกิดขึ้นระหว่างสงครามในช่วง พ.ศ. 2226 - 2283 การอพยพในช่วงแรกเป็นผู้นับถือศาสนาฮินดู ส่วนสองครั้งหลัง ส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์

ภาษากงกัณในกัวของโปรตุเกส

ในช่วงแรกของการเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส มิชชันนารีให้ความสำคัญกับการแปลคัมภีร์ศาสนาคริสต์เป็นภาษาท้องถิ่นทั้งภาษากงกัณและภาษามราฐีจนกระทั่ง พ.ศ. 2227 โปรตุเกสห้ามใช้ภาษาถิ่นในเขตปกครองของตน ซึ่งถือว่าเป็นภาษาสำหรับศาสนาฮินดู ให้ใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการแทน ทำให้การใช้ภาษากงกัณลดลงและทำให้ภาษาโปรตุเกสมีอิทธิพลต่อภาษากงกัณสำเนียงของชาวคริสต์มาก ส่วนชาวกงกัณที่นับถือศาสนาฮินดูใช้ภาษามราฐีเป็นภาษาทางศาสนา และจากความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างภาษากงกัณและภาษามราฐี ทำให้ชาวกงกัณส่วนใหญ่พูดภาษามราฐีเป็นภาษาที่สองและปัจจุบันเป็นภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันของชาวฮินดูในกัวรวมทั้งชาวกงกัณด้วย ชาวคริสต์ชั้นสูงใช้ภาษากงกัณกับชนชั้นที่ต่ำกว่าและยากจน ส่วนในสังคมของตนใช้ภาษาโปรตุเกส

ผู้อพยพชาวกงกัณนอกกัวยังคงใช้ภาษากงกัณและภาษามีความแตกต่างกันมากยิ่งขึ้น มีการเขียนภาษากงกัณด้วยอักษรเทวนาครีในรัฐมหาราษฏระ ในขณะที่ผู้พูดในรัฐกรนาฏกะเขียนด้วยอักษรกันนาดา

การฟื้นฟูภาษากงกัณ

สถานะของภาษากงกัณจัดว่าน่าเป็นห่วง มีการใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการและภาษาทางสังคมในหมู่ชาวคริสต์ ในหมู่ชาวฮินดูนิยมใช้ภาษามราฐีมากกว่าและมีการแบ่งแยกระหว่างชาวคริสต์และชาวฮินดูมากขึ้น

ยุคหลังได้รับเอกราช

หลังจากอินเดียได้รับเอกราช กัวได้รวมเข้ากับอินเดียเมื่อ พ.ศ. 2504 ได้เกิดข้อโต้แย้งในกัวเกี่ยวกับสถานะของภาษากงกัณในฐานะภาษาเอกเทศและอนาคตของกัวว่าจะรวมเข้ากับรัฐมหาราษฏระหรือเป็นรัฐต่างหากต่อไป บทสรุปปรากฏว่ากัวเลือกเป็นรัฐต่างหากใน พ.ศ. 2510 ส่วนในด้านภาษา ภาษาที่มีการใช้มากภายในรัฐได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาฮินดี ภาษามราฐี ส่วนภาษากงกัณยังไม่ได้รับการใส่ใจ

การกำหนดให้เป็นภาษาเอกเทศ

ในขณะที่มีความเชื่อว่าภาษากงกัณเป็นสำเนียงของภาษามราฐีไม่ใช่ภาษาเอกเทศ สุนิต กุมาร จัตเตร์ชี ประธานคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์แห่งชาติได้จัดการประชุมทางวิชาการเกี่ยวกับข้อโต้แย้งนี้และได้บทสรุปเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 ว่าภาษากงกัณเป็นภาษาเอกเทศ [16]

สถานะการเป็นภาษาราชการ

กลุ่มผู้รักภาษากงกัณได้เรียกร้องให้ภาษากงกัณเป็นภาษาประจำรัฐกัวใน พ.ศ. 2529 ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 รัฐกัวยอมรับให้ภาษากงกัณเป็นภาษาราชการของรัฐ และได้รับการยอมรับให้เป็นภาษาประจำชาติของอินเดียเมื่อ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2535

ปัญหา

ภาษากงกัณเป็นภาษาที่ใกล้ตายเพราะ

  • การแตกแยกเป็นส่วน ๆ ของภาษากงกัณ ทำให้ไม่มีสำเนียงกลางที่เข้าใจระหว่างกันได้
  • การแพร่หลายของวัฒนธรรมตะวันตกในอินเดีย
  • ชาวกงกัณที่นับถือศาสนาฮินดูในกัวและบริเวณชายฝั่งของรัฐมหาราษฏระ ส่วนใหญ่ใช้ภาษามราฐีได้ด้วย
  • ผู้นับถือศาสนาอิสลามหันไปใช้ภาษาอูรดู
  • ปัญหาการติดต่อของชาวกงกัณที่มีศาสนาต่างกัน และภาษากงกัณไม่ได้เป็นภาษาสำคัญทางศาสนา ชาวกงกัณมักติดต่อในกลุ่มที่นับถือศาสนาเดียวกันและหลีกเลี่ยงการติดต่อระหว่างกลุ่มที่มีศาสนาต่างกัน
  • การอพยพของชาวกงกัณไปยังบริเวณอื่น ๆ ของอินเดียและทั่วโลก
  • การขาดโอกาสที่จะเรียนภาษากงกัณในโรงเรียน มีโรงเรียนที่สอนภาษากงกัณไม่กี่แห่งในกัว ประชาชนที่อยู่นอกเขตที่ใช้ภาษากงกัณไม่มีโอกาสได้เรียนภาษากงกัณแม้ตะในแบบไม่เป็นทางการ
  • ความนิยมของประชาชนที่นิยมพูดกับเด็ก ๆ ด้วยภาษาที่ใช้ทำมาหากิน ไม่ใช่ภาษาแม่ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ภาษาอังกฤษของเด็กดีขึ้น

มีความพยายามที่จะฟื้นฟูภาษากงกัณโดยเฉพาะความพยายามของเศนอย โคเอมพับ ที่พยายามสร้างความสนใจวรรณกรรมภาษากงกัณขึ้นอีกครั้ง มีองค์ที่สนับสนุนการใช้ภาษากงกัณ เช่น กงกัณ ไทซ ยตระ ที่บริหารโดยมันเดล และองค์กรที่ใหม่กว่าอย่างเช่น วิศวะ กงกัณ ปาริศัด

การใช้หลายภาษา

จากการสำรวจในอินเดีย ผู้พูดภาษากงกัณพูดได้หลายภาษา ใน พ.ศ. 2544 ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศมีผู้ใช้สองภาษาร้อยละ 19.44 และใช้สามภาษาร้อยละ 7.26 ในขณะที่เฉพาะผู้พูดภาษากงกัณ มีผู้ใช้สองภาษาร้อยละ 74.2 และใช้สามภาษาร้อยละ 44.68 ทำให้ชุมชนของชาวกงกัณเป็นชุมชนของผู้ใช้หลายภาษาในอินเดีย เหตุผลหนึ่งน่าจะมาจากการที่ขาดโรงเรียนที่สอนด้วยภาษากงกัณเป็นภาษาแรกหรือภาษาที่สอง

การใช้หลายภาษาไม่ใช่สิ่งที่ผิดแต่เป็นการชี้ให้เห็นว่าภาษากงกัณเป็นภาษาที่ไม่เกิดการพัฒนา ผู้พูดภาษากงกัณที่ใช้ภาษามราฐีในกัวและมหราราษฏระเชื่อว่าภาษากงกัณเป็นสำเนียงของภาษามราฐี

ข้อโต้แย้งระหว่างภาษากงกัณและภาษามราฐี

มีการกล่าวอ้างมานานแล้วว่าภาษากงกัณเป็นสำเนียงของภาษามราฐีและไม่ใช่ภาษาเอกเทศ ซึ่งมีเหตุผลหลายประการ ได้แก่ ความใกล้เคียงระหว่างภาษามราฐีและภาษากงกัณ ความใกล้เคียงทางภูมิศาสตร์ระหว่างกัวและมหาราษฏระ อิทธิพลอย่างชัดเจนของภาษามราฐีต่อภาษากงกัณสำเนียงที่ใช้พูดในรัฐมหาราษฏระ การที่ภาษากงกัณมีวรรณกรรมน้อยและชาวกงกัณที่นับถือศาสนาฮินดูจะใช้ภาษามราฐีเป็นภาษาที่สอง ทำให้งานเขียนของ Jose Pereira ใน พ.ศ. 2514 กล่าวว่าภาษากงกัณเป็นสำเนียงของภาษามราฐี งานเขียนของ S. M. Katre ใน พ.ศ. 2509 ได้ใช้การศึกษาทางประวัติศาสตร์สมัยใหม่และเปรียบเทียบสำเนียงของภาษากงกัณหกสำเนียงได้สรุปว่าจุดกำเนิดของภาษากงกัณต่างจากภาษามราฐี เศนอย โคเอมพับ ผู้มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูภาษากงกัณ ได้ต่อต้านการใช้ภาษามราฐีในหมู่ชาวฮินดูและการใช้ภาษาโปรตุเกสในหมู่ของชาวคริสต์

การรวมของกัวเข้ากับอินเดียเมื่อ พ.ศ. 2504 เป็นเวลาที่รัฐในอินเดียมีการจัดตัวใหม่ตามเส้นแบ่งทางภาษา มีความต้องการที่จะรวมกัวเข้ากับรัฐมหาราษฏระเพราะในกัวมีผู้พูดภาษามราฐีจำนวนมาก และภาษากงกัณถูกจัดให้เป็นสำเนียงของภาษามราฐี ดังนั้นสถานะของภาษากงกัณในฐานะภาษาเอกเทศหรือเป็นสำเนียงของภาษามราฐีจึงเป็นหัวข้อทางการเมืองในการรวมรัฐกัวด้วย

องค์กรวิชาการสาหิตยะในอินเดียยอมรับภาษากงกัณในฐานะภาษาเอกเทศเมื่อ พ.ศ. 2518 และภาษากงกัณที่เขียนด้วยอักษรเทวนาครีได้เป็นภาษาราชการของกัวใน พ.ศ. 2530

การแพร่กระจาย

ภาษกงกัณใช้พูดทั่วไปในเขตกงกัณ ซึ่งรวมถึง กัว ชายฝั่งตอนใต้ของรัฐมหาราษฏระ ชายฝั่งของรัฐการณาฏกะ และรัฐเกราลา แต่ละท้องถิ่นมีสำเนียงของตนเอง การแพร่กระจายของผู้พูดภาษานี้มีสาเหตุหลักจากการออพยพของชาวกัวเพื่อหลบหนีการปกครองของโปรตุเกส

ระบบการเขียน

ภาษากงกัณเขียนด้วยอักษณหลายชนิด ทั้ง อักษรเทวนาครี อักษรโรมัน (เริ่มสมัยอาณานิคมของโปรตุเกส) อักษรกันนาดา ใช้ในเขตมันกาลอร์ และชายฝั่งของรัฐการณาฏกะ อักษรอาหรับในหมู่ผู้นับถือศาสนาอิสลามที่เรียกว่า ภัทกาลี ชนกลุ่มนี้หันมานับถือศาสนาอิสลามในสมัยสุลต่านทิบบู อยู่ในเขตรัฐการณาฏกะ มีผู้เขียนด้วยอักษรมลยาฬัมกลุ่มเล็ก ๆ ในเกราลา แต่ปัจจุบันเริ่มหันมาใช้อักษรเทวนาครีแทน

อักษรที่ใช้เขียนภาษากงกัณ
IPAอักษรเทวนาครีปรับปรุงอักษรเทวนาครีมาตรฐานอักษรละตินอักษรกันนาดาอักษรมลยาฬัมอักษรอาหรับ
/ɵ/oಅ/ಒ?
/aː/a?
/i/i?
/iː/i?
/u/u?
/uː/u?
/e/e?
/ɛ/e?
æno symbol/e/ಎ or ಐ?
/ɵi/ai/oi?
/o/o?
/ɔ/o?
/ɵu/au/ou?
/ⁿ/अंअंom/onಅಂഅം?
/k/kಕ್ക്ک
/kʰ/khಖ್ഖ്که
/g/gಗ್ഗ്ک
/gʱ/ghಘ್ഘ്گه
/ŋ/ंगngങ്ڭ
/ts/च़च़chಚ್ത്സ്څ
/c/chಚ್ച്چ
/cʰ/chhಛ್ഛ്چه
/z/ज़ज़z?ز
/ɟ/jಜ್ജ്ج
/zʰ/झ़झ़zhಝ್?زه
/ɟʱ/jhಝ್ഝ്جه
/ɲ/nhഞ്ڃ
/ʈ/ttಟ್ട്ټ
/ʈʰ/tthಠ್ഠ്ټه
/ɖ/ddಡ್ഡ്ډ
/ɖʱ/ddhಢ್ഢ്ډه
/ɳ/nnಣ್ണ്ڼ
/t̪/tತ್ത്ت
/t̪ʰ/thಥ್ഥ്ته
/d̪/dದ್ദ്د
/d̪ʰ/dhಧ್ധ്ده
/n/nನ್ന്ن
/p/pಪ್പ്پ
/f/फ़fಫ್?ف
/b/bಬ್ബ്ب
/bʱ/bhಭ್ഭ്به
/m/mಮ್മ്م
/j/i/e/ieಯ್യ്ې
/ɾ/rರ್ര്ر
/l/lಲ್ല്ل
/ʃ/xಶ್ഷ്ش
/ʂ/xಷ್ശ്?
/s/sಸ್സ്س
/ɦ/hಹ್ഹ്?
/ɭ/llಳ್ള്?
/ʋ/vವ್വ്ڤ

การเขียนและหัวข้อเรื่องสำเนียง

ปัญหาทางด้านการใช้ระบบการเขียนหลายชนิดและสำเนียงที่ต่างกันกลายเป็นปัญหาสำคัญในการทำให้ภาษากงกัณเป็นเอกภาพ การตัดสินใจให้ใช้อักษรเทวนาครีเป็นอักษรทางการและให้สำเนียงอันตรุซเป็นสำเนียงมาตรฐานทำให้มีข้อโต้แย้งตามมา สำเนียงอันตรุซเป็นสำเนียงที่ชาวกัวส่วนใหญ่ไม่เข้าใจและต่างจากภาษากงกัณสำเนียงอื่น และอักษรเทวนาครีมีการใช้น้อยเมื่อเทียบกับอักษรโรมันในกัวและอักษรกันนาดาในบริเวณชายฝั่งของรัฐกรนาฏกะ ชาวคริสต์คาทอลิกในกัวได้ใช้อักษรโรมันในการเขียนงานวรรณกรรมและต้องการให้อักษรโรมันเป็นอักษรทางการเทียบเท่าอักษรเทวนาครี

ในกรนาฏกะที่มีผู้พูดภาษากงกัณจำนวนมาก ได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้ใช้อักษรกันนาดาเขียนภาษากงกัณในโรงเรียนท้องถิ่นแทนอักษรเทวนาครี ในปัจจุบันไม่มีอักษรชนิดใดหรือสำเนียงใดเป็นที่เข้าใจหรือได้รับการยอมรับจากทุกส่วน การที่ขาดสำเนียงที่เป็นกลางและเข้าใจกันได้ทั่วไป ทำให้ผู้พูดภาษากงกัณต่างสำเนียงกันต้องสื่อสารกันด้วยภาษาอื่น

หมายเหตุ

อ้างอิง

อ่านเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง