สมบูรณาญาสิทธิราชย์
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ (อังกฤษ: absolute monarchy) เป็นราชาธิปไตยรูปแบบหนึ่งซึ่งพระมหากษัตริย์มีอำนาจสิทธิ์ขาดสูงสุด ซึ่งโดยหลักแล้วไม่ถูกจำกัดด้วยกฎหมายลายลักษณ์อักษร สภานิติบัญญัติ หรือจารีตประเพณีที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรใด ๆ[1] สมบูรณาญาสิทธิราชย์มักปรากฏในรูปราชาธิปไตยแบบสืบตระกูล ตรงกันข้ามกับราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญที่อำนาจของประมุขแห่งรัฐมาจาก หรือถูกกฎหมายผูกมัดไว้กับ หรือถูกจำกัดไว้ด้วยรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติ หรือจารีตประเพณีที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร[2]
|
2 บางรัฐอาจมีคนนอกเรียกว่าเป็นรัฐอำนาจนิยม บทความนี้กล่าวถึงระบอบการปกครองโดยนิตินัยเท่านั้น
แนวคิดเรื่องสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่แพร่หลายอยู่ในยุโรปตกต่ำลงอย่างมากหลังเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสและสงครามโลกครั้งที่หนึ่งซึ่งหนุนทฤษฎีการปกครองตามแนวคิดเรื่องอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
ราชาธิปไตยบางแห่งมีสภานิติบัญญัติและหน่วยงานรัฐอื่น ๆ ซึ่งมีอำนาจน้อยหรือเป็นเพียงสัญลักษณ์ และพระมหากษัตริย์สามารถเปลี่ยนแปลงหรือยุบเลิกได้ตามพระราชอัธยาศัย ประเทศที่พระมหากษัตริย์ยังมีอำนาจเด็ดขาดอยู่ ได้แก่ บรูไน เอสวาตีนี โอมาน ซาอุดีอาระเบีย นครวาติกัน และรัฐเอมิเรตแต่ละรัฐที่ประกอบกันเป็นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซึ่งถือเป็นสหพันรัฐของรัฐราชาธิปไตยต่าง ๆ ดังกล่าว เรียกว่า ราชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ[3][4][5][6][7][8][9]
รายชื่อประเทศที่ปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของไทย
ประเทศไทยเคยปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระมหากษัตริย์มีอำนาจสิทธิ์เด็ดขาดในการปกครองแผ่นดิน ดังคำกล่าวที่ว่า"พระบรมราชานุภาพของพระเจ้าแผ่นดินกรุงสยามนี้ ไม่ได้ปรากฏในกฎหมายอันหนึ่งอันใด ด้วยเหตุที่ถือว่าเป็นที่ล้นพ้น ไม่มีข้อสั่งอันใดจะเป็นผู้บังคับขัดขวางได้"[10]
ในทัศนะของ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าระบอบสมบูรณาสิทธิราชย์ของไทยนั้น ไม่ได้เป็นระบอบที่มีมาแต่สมัยโบราณ แต่เพิ่งมีมาในสมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากในรัชกาลนี้ พระองค์ทรงรวบอำนาจจากเหล่าขุนนาง ข้าราชการ ที่เคยมีอำนาจและบทบาทมาก่อนหน้านั้น มาไว้ที่ศูนย์กลางการปกครอง คือ ตัวพระองค์ และพระประยูรญาติ ทำให้พระมหากษัตริย์ทรงดำรงสถานะเป็นทั้งประมุขของรัฐและประมุขของฝ่ายบริหารอย่างแท้จริง เท่ากับว่าระบอบสมบูรณาสิทธิราชย์ของไทยมีเพียง 3 รัชกาลเท่านั้น คือ รัชกาลที่ 5, รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7[11]
คำศัพท์
"สมบูรณาญาสิทธิราชย์" บัญญัติมาจาก "absolute monarchy"[12] มีความหมายตรงตัวว่า ความเป็นกษัตริย์ซึ่งมีอาญาสิทธิ์ (อำนาจเด็ดขาด) โดยสมบูรณ์
อ้างอิง
บทอ่านเพิ่มเติม
- Anderson, Perry. Lineages of the Absolutist State. London: Verso, 1974.
- Beloff, Max. The Age of Absolutism From 1660 to 1815 (1961)
- Blum, Jerome et al. The European World (vol 1 1970) pp 267–466
- Kimmel, Michael S. Absolutism and Its Discontents: State and Society in Seventeenth-Century France and England. New Brunswick, NJ: Transaction Books, 1988.
- Méttam, Roger. Power and Faction in Louis XIV's France. New York: Blackwell Publishers, 1988.
- Miller, John (ed.). Absolutism in Seventeenth Century Europe. New York: Palgrave Macmillan, 1990.
- Wilson, Peter H. Absolutism in Central Europe. New York: Routledge, 2000.
- Zmohra, Hillay. Monarchy, Aristocracy, and the State in Europe - 1300-1800. New York: Routledge, 2001
ดูเพิ่ม
- ราชาธิปไตย
- เทวสิทธิ์ของพระมหากษัตริย์
- ระบบฟิวดัล, รูปแบบการปกครองสมัยก่อนที่กษัตริย์มีสิทธิ์ขาดในที่ดิน