ประเทศคอโมโรส

(เปลี่ยนทางจาก คอโมโรส)

คอโมโรส (อังกฤษ: Comoros; อาหรับ: جزر القمر; ฝรั่งเศส: Comores; คอโมโรส: Komori) หรือชื่อทางการว่า สหภาพคอโมโรส (อังกฤษ: Union of the Comoros; คอโมโรส: Udzima wa Komori; อาหรับ: الاتحاد القمري; ฝรั่งเศส: Union des Comores) เป็นประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของช่องแคบโมซัมบิก ชายฝั่งตะวันออกของทวีปแอฟริกา ระหว่างประเทศโมซัมบิกทางตะวันออกเฉียงเหนือ ภูมิภาคฝรั่งเศสแห่งมายอตและทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศมาดากัสการ์ เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในคอโมโรสคือโมโรนี ศาสนาของประชากรส่วนใหญ่คือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่

สหภาพคอโมโรส

Udzima wa Komori (คอโมโรส)
اتحاد القمر (อาหรับ)
al-Ittiḥād al-Qumurī/Qamarī
Union des Comores (ฝรั่งเศส)
ตราประจำประเทศของคอโมโรส
ตราประจำประเทศ
คำขวัญوحدة، تضامن، تنمية (ภาษาอาหรับ)
Unité - Justice - Progrès (ภาษาฝรั่งเศส)
เอกภาพ - ยุติธรรม - ความก้าวหน้า
ที่ตั้งของประเทศคอโมโรส (วงกลม)
ที่ตั้งของประเทศคอโมโรส (วงกลม)
เมืองหลวง
และเมืองใหญ่สุด
โมโรนี
11°41′S 43°16′E / 11.683°S 43.267°E / -11.683; 43.267
ภาษาราชการภาษาคอโมโรส ภาษาอาหรับ และภาษาฝรั่งเศส
ศาสนา
ซุนนี
เดมะนิมคอโมเรียน
การปกครองสหพันธ์ ระบบประธานาธิบดี สาธารณรัฐรัฐธรรมนูญ
• ประธานาธิบดี
อะซาลี อะษุมานี
• ประธานสภา
มุสตาดรอยน์ อับดู
สภานิติบัญญัติสมัชชาแห่งสหภาพคอโมโรส
ได้รับเอกราช
• ถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวโปรตุเกส
2046
• เอ็นกาซิดจา, อองฌูอัน, โมเอลี ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส
2429
• ดินแดนในอารักขาคอโมโรส
5 กันยายน 2430
• ดินแดนภายใต้ มาดากัสการ์ของฝรั่งเศส
9 เมษายน 2451
• ดินแดนโพ้นทะเล
27 ตุลาคม 2489
• รัฐคอโมโรส
22 ธันวาคม 2504
• ได้รับเอกราชจาก ฝรั่งเศส
6 กรกฎาคม 2518
• สหพันธรัฐสาธารณรัฐอิสลามคอโมโรส
24 พฤษภาคม 2521
• สหภาพคอโมโรส
23 ธันวาคม 2544
• รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
17 พฤษภาคม 2552
พื้นที่
• รวม
1,861 ตารางกิโลเมตร (719 ตารางไมล์) (อันดับที่ 171)
น้อยมาก
ประชากร
• 2562 ประมาณ
850,886 (อันดับที่ 160)
457 ต่อตารางกิโลเมตร (1,183.6 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 27)
จีดีพี (อำนาจซื้อ) 2562 (ประมาณ)
• รวม
$2.446 พันล้าน[1] (อันดับที่ 178)
$2,799[1] (อันดับที่ 177)
จีดีพี (ราคาตลาด) 2562 (ประมาณ)
• รวม
$1.179 พันล้าน[1] (อันดับที่ 182)
$1,349[1] (อันดับที่ 165)
จีนี (2556)positive decrease 45.0[2]
ปานกลาง · อันดับที่ 141
เอชดีไอ (2562)เพิ่มขึ้น 0.554[3]
ปานกลาง · อันดับที่ 156
สกุลเงินฟรังก์คอโมโรส (KMF)
เขตเวลาUTC+3 (EAT)
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง)
UTC+3 (ไม่พบ)
ขับรถด้านขวา
รหัสโทรศัพท์+269
โดเมนบนสุด.km

ด้วยเนื้อที่เพียง 1,660 ตารางกิโลเมตร (640 ตารางไมล์) (ยกเว้นเกาะมายอตที่ยังมีปัญหากันอยู่) ทำให้คอโมโรสเป็นประเทศในแอฟริกาที่เล็กที่สุดเป็นอันดับ 4 มีประชากรประมาณ 795,601 คน[4] ในฐานะที่เป็นประเทศที่มีอารยธรรมที่แตกต่างกัน ทำให้หมู่เกาะนี้มีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย ผู้ตั้งรกรากบนเกาะนี้เป็นกลุ่มแรก ๆ คือ กลุ่มคนที่พูดภาษาบันตูซึ่งมาจากแอฟริกาตะวันออก พร้อมด้วยชาวอาหรับและการอพยพเข้ามาของชาวออสโตรนีเชียน

รัฐเอกราชแห่งนี้เป็นหมู่เกาะที่ประกอบไปด้วยเกาะใหญ่ 3 เกาะ และเกาะเล็ก ๆ จำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนหมู่เกาะภูเขาไฟคอโมโร หมู่เกาะที่สำคัญที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อภาษาฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ คือ เกาะกร็องด์กอมอร์หรืออึงกาซีจา มอเอลีหรืออึมวาลี อ็องฌูอ็องหรืออึนซวานี นอกจากนี้ยังมีการอ้างสิทธิเหนือเกาะอีกแห่งที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้คือเกาะมายอตหรือมาโอเร แม้ว่าเกาะมายอตจะมีการประกาศอิสรภาพจากฝรั่งเศสแล้วตั้งแต่ปี 2517 แต่ก็ไม่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลคอโมโรสและยังคงถูกปกครองโดยฝรั่งเศสต่อไป (ในฐานะดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส) ฝรั่งเศสได้คัดค้านมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทีรับรองอธิปไตยของคอโมโรสเหนือเกาะนี้[5][6][7][8] นอกจากนี้ มายอตได้กลายเป็นดินแดนโพ้นทะเลและภูมิภาคหนึ่งของฝรั่งเศสในปี 2554 จากการลงประชามติและมีผู้เห็นด้วยอย่างท่วมท้น

ประเทศนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอาณานิคมฝรั่งเศสในคริสศตวรรษที่ 19 ก่อนที่จะได้รับอิสรภาพในปี พ.ศ. 2518 นับตั้งแต่การประกาศเอกราช ประเทศประสบกับการรัฐประหารมากกว่า 20 ครั้งหรือแม้แต่การพยายามทำรัฐประหาร ซึ่งทำให้ประมุขแห่งรัฐถูกลอบสังหารไปมากมาย[9] ด้วยเสถียรภาพทางการเมืองที่ไม่มั่นคงนี้ ทำให้ประชากรคอโมโรสมีชีวิตอยู่ด้วยความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้ที่เลวร้ายที่สุดกว่าประเทศใดในโลก โดยมีค่าสัมประสิทธิ์จีนี เกิน 60% และยังถูกจัดอันดับในเรื่องดัชนีการพัฒนามนุษย์อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดอีกด้วย ประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรในปี 2551 มีรายได้ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจนโดยมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อวันเพียง 1.25 เหรียญสหรัฐ[10] ภูมิภาคฝรั่งเศสแห่งมายอตซึ่งเป็นดินแดนที่เจริญกว่าในช่องแคบโมซัมบิก เป็นปลายทางที่สำคัญสำหรับผู้อพยพผิดกฎหมายชาวคอโมโรสที่หนีออกนอกประเทศ ประเทศคอโมโรสเป็นสมาชิกของสหภาพแอฟริกา องค์การผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศสนานาชาติ (Francophonie) องค์การการประชุมอิสลาม สันนิบาตอาหรับ(เป็นประเทศในกลุ่มสันนิบาตอาหรับที่อยู่ทางใต้สุด) และ คณะกรรมาธิการร่วมมหาสมุทรอินเดีย ประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้กับคอโมโรสคือแทนซาเนียทางตะวันตกเฉียงเหนือและเซเชลส์ทางตะวันออกเฉียงเหนือ สหภาพคอโมโรสมีภาษาทางการ 3 ภาษา คือ ภาษาคอโมโรส ภาษาอาหรับ และภาษาฝรั่งเศส

ที่มาและความหมายของชื่อ

ชื่อของประเทศมาจากคำในภาษาอาหรับ قمر, qamar (ดวงจันทร์)[11]

ประวัติศาสตร์

ผู้คนในยุคก่อนอาณานิคม

เรือโดว์ขนาดใหญ่พร้อมด้วยใบเรือ
ไร่วานิลลา

การตั้งถิ่นฐานของมนุษย์บนหมู่เกาะคอโมโรสในยุคแรก คาดว่าน่าจะเป็นชาวโพลีนีเชียนและชาวเมลานีเชียน ซึ่งเดินทางมาถึงเกาะโดยทางเรือจากหมู่เกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนกลุ่มนี้น่าจะมาถึงตั้งแต่ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 6 ช่วงเวลาที่เก่าแก่ที่สุดของแหล่งโบราณคดีที่พบบนเกาะอ็องฌูอ็องนั้นน่าจะมีอายุประมาณถึงคริสศตวรรษที่ 1[12]

หมู่เกาะคอโมโรสกลายเป็นที่อยู่ของมนุษย์หลากหลายเชื้อชาติไล่ตั้งแต่กลุ่มคนบนฝั่งทวีปแอฟริกา ชาวอาหรับ ชาวเปอร์เซีย ชาวกลุ่มเกาะมลายู และชาวเกาะมาดากัสการ์ กลุ่มคนที่พูดภาษาบันตูก็มาถึงหมู่เกาะนี้ ในช่วงที่มีการขยายตัวของเผ่าบันตูซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นสหัสวรรษ

ตามตำนานของคนในยุคก่อนอิสลาม ยักษ์จินนีได้ทิ้งเพชรลงมาซึ่งก่อให้เกิดนรกขนาดใหญ่ ซึ่งก็คือภูเขาไฟการ์ตาลาที่ก่อกำเนิดหมู่เกาะคอโมโรสขึ้นมานั่นเอง

พัฒนาการของหมู่เกาะคอโมโรสแบ่งออกเป็นช่วง ๆ หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดที่เชื่อถือได้อยู่ในช่วงเดมเบนี (คริสศตวรรษที่ 9 - 10) ในช่วงนี้แต่ละเกาะยังแยกกันอยู่อย่างโดดเดี่ยวและมีเพียงหมู่บ้านเดียวเป็นใจกลาง[13] จากคริสศตวรรษที่ 11-15 การค้าขายระหว่างเกาะมาดากัสการ์และพ่อค้าจากตะวันออกกลางก็มั่งคั่งขึ้น ทำให้เกิดหมู่บ้านขนาดเล็กขึ้นมา จากหมู่บ้านก็กลายเป็นเมือง ชาวคอโมโรสมักกล่าวว่าชาวอาหรับได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานบนเกาะนานแล้ว โดยมีบางส่วนที่อพยพมาจากตะวันออกกลางจากประเทศเยเมน (โดยเฉพาะจังหวัดฮัฎเราะเมาต์) และโอมาน

คอโมโรสในยุคกลาง

ตามตำนาน ในปี 632 เมื่อได้ยินข่าวการปรากฏของศาสนาอิสลาม ชาวหมู่เกาะได้ส่งทูตนามว่า Mtswa-Mwindza ไปยังนครเมกกะ แต่เมื่อเขาเดินทางไปถึง ศาสนทูตมุฮัมมัดได้สิ้นไปแล้ว ถึงกระนั้นเขาก็ยังพำนักอยู่ในเมกกะ ก่อนจะกลับสู่เอ็นกาซิดจาและค่อย ๆ เปลี่ยนชาวเกาะให้หันมานับถือศาสนาอิสลามในที่สุด

บันทึกที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับคอโมโรสนั้นได้มาจากงานเขียนของอัลมัสอูดี ที่กล่าวถึงความสำคัญของหมู่เกาะคอโมโรสเช่นเดียวกับดินแดนชายฝั่งอื่น ๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางการค้าที่สำคัญของพ่อค้าชาวอาหรับและเปอร์เซียรวมทั้งกะลาสีเพื่อหาปะการัง ไขวาฬ งาช้าง กระดองเต่า ทองคำและทาสไปขาย และยังได้นำศาสนาอิสลามไปเผยแพร่แก่ชาวซานจ์ (อยู่ในแอฟริกาตะวันออก) และชาวเกาะอีกด้วย หมู่เกาะคอโมโรสมีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ และเติบโตไปพร้อมเกือบเมืองชายฝั่งของแอฟริกาตะวันออกทำให้เกิดมัสยิดน้อยใหญ่ตามมา แม้จะมีระยะที่ห่างจากชายฝั่งพอสมควร แต่หมู่เกาะคอโมโรสก็เป็นแหล่งการค้าที่สำคัญของชาวสวาฮีลี เป็นเส้นทางทางทะเลที่สำคัญระหว่างเมืองกิลวา ซึ่งอยู่ในแทนซาเนียในปัจจุบัน โซฟาลา(สถานที่ส่งออกทองของชาวซิมบับเว)ในโมซัมบิก และเมืองมอมบาซาในเคนยา[14]

หลังจากการมาถึงของชาวโปรตุเกสในช่วงก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 15 และการล่มสลายของสุลต่านแห่งแอฟริกาตะวันออก สุลต่านซัยฟ์ บิน สุลต่าน ผู้มีอำนาจแห่งโอมานได้เริ่มกำจัดอิทธิพลของชาวดัตช์และโปรตุเกส นอกจากนั้นผู้สืบทอดอำนาจต่อจากเขา คือ สุลต่านซะอีด บิน สุลต่าน ยังได้ขยายอิทธิพลของชาวอาหรับโอมานไปทั่วทั้งภูมิภาค และได้ย้ายศูนย์กลางการปกครองไปอยู่ใกล้แซนซิบาร์ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของโอมาน อย่างไรก็ตาม คอโมโรสยังคงเป็นอิสระและแม้ว่าเกาะเล็ก ๆ สามเกาะมักจะเป็นปึกแผ่นทางการเมือง แต่เกาะที่ใหญ่ที่สุดคือเอ็นกาซึดจาก็มักจะถูกแบ่งออกเป็นอาณาจักรอิสระหลายแห่ง (ntsi)[15]

ในช่วงเวลาที่ชาวยุโรปแสดงความสนใจกับคอโมโรส ชาวเกาะตกอยู่ในตำแหน่งแห่งที่จากการเอารัดเอาเปรียบจากความต้องการของพวกเขา เริ่มจากการจัดหาเส้นทางเดินเรือไปยังอินเดียและต่อมาทาสจะถูกส่งไปยังเกาะเพาะปลูกบนหมู่เกาะมาสคารีน[15]

การติดต่อกับชาวยุโรปและการตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส

แผนที่ภาษาฝรั่งเศสของคอโมโรส, 1747

นักสำรวจชาวโปรตุเกสได้ไปเยือนหมู่เกาะนี้เป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 1503 เกาะเหล่านี้เป็นแหล่งจัดหาอาหารให้กับป้อมของโปรตุเกสที่โมซัมบิกตลอดศตวรรษที่ 16

สุลต่านซะอีด อะลี บิน ซะอีด อุมัรแห่งเกาะกร็องด์กอมอร์ (1897)
จัตุรัสชุมนุมในโมโรนี ปี 1908

ในปี 1506 ชาวโปรตุเกสได้เดินทางมาถึงเกาะและเริ่มท้าทายอำนาจบาจัส (หัวหน้าชาวบันตูมุสลิม) และฟานิส (รองหัวหน้า) ปีต่อ ๆ มาในปี 1514 คอโมโรสก็ถูกรุกรานโดยอาฟงซู ดี อาลบูเกร์กี ในขณะนั้นผู้ปกครองชาวมุสลิมเพิ่งจะรอดพ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟ แม้ว่าแหล่งพำนักของพวกเขาจะหาได้ไม่ยากแต่ชาวโปรตุเกสก็ไม่เคยหาพวกเขาพบ ในปี 1648 หมู่เกาะก็ถูกปล้นโดยโจรสลัดชาวมาลากาซี พวกเขาปล้นเมืองอีกอนี เมืองศูนย์กลางทางการค้าชายฝั่งใกล้เกาะกร็องด์กอมอร์หลังจากเพิ่งรบชนะสุลต่านที่อ่อนแอของเกาะมาได้

ในปี 1793 นักรบชาวมาลากาซีแห่งเกาะมาดากัสการ์ได้บุกหมู่เกาะคอโมโรสเพื่อนำชาวเกาะมาเป็นทาส จากนั้นจึงได้เข้ามาตั้งรกรากและครอบครองหลายส่วนของหมู่เกาะ บนคอโมโรสในปี 1865 คาดว่าประชากรบนเกาะเป็นทาสถึงกว่าร้อยละ 40[16] ขณะที่ฝรั่งเศสได้เข้ามาตั้งอาณานิคมในปี 1841 ชาวอาณานิคมฝรั่งเศสคนแรกได้มาถึงเกาะมายอต อาเดรียน ซูลี กษัตริย์ชาวมาลากาซีแห่งเกาะมายอตได้ลงนามในสนธิสัญญาปี 1841 ได้ยอมยกดินแดนให้ตกอยู่ใต้อาณัติของฝรั่งเศส

ในปี 1886 เกาะมอเอลี ก็ตกอยู่ใต้อารักขาจากฝรั่งเศสโดยการยินยอมจากราชินีซาลิมา มาชิมบ้า และในปีเดียวกัน หลังจากที่ได้รวบรวมเกาะกร็องด์ กอมอร์เข้าไว้ด้วยกัน สุลต่านซะอีด อะลีก็ได้ยินยอมให้ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองต่อ แต่พระองค์ก็ยังมีอำนาจต่อไปจนถึงปี 1909 ซึ่งในปีนั้นพระองค์ก็ได้ทรงสละราชสมบัติเพื่อให้ฝรั่งเศสได้เข้ามาวางกฎอย่างเต็มที่ เกาะคอโมโรสตกอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการในปี 1912 และตกอยู่ใต้การปกครองของผู้ว่าราชการอาณานิคมโพ้นทะเลของฝรั่งเศสแห่งมาดากัสการ์ในปี ค.ศ.1914[17]

คอโมโรสเป็นสถานีทางการค้าที่สำคัญของบรรดาพ่อค้าที่จะเดินทางไปค้าขายยังตะวันออกไกล หรืออินเดียมาโดยตลอดจนกระทั่งได้มีการเปิดใช้คลองสุเอซ ซึ่งได้ช่วยลดการจราจรทางน้ำในเขตช่องแคบโมซัมบิกได้อย่างมาก สินค้าธรรมชาติที่ส่งออกส่วนใหญ่ก็คือ มะพร้าว วัว ควายและกระดองเต่า ผู้ตั้งรกรากชาวฝรั่งเศส บริษัทจากฝรั่งเศสหรือแม้แต่พ่อค้าชาวอาหรับผู้มั่งคั่ง ได้วางรากฐานเศรษฐกิจที่ขึ้นอยู่กับการเกษตรกรรมซึ่งกินพื้นที่ในการเพาะปลูกเพื่อส่งออกกว่า 1 ใน 3 หลังจากการผนวกดินแดนฝรั่งเศสก็ได้เปลี่ยนเกาะมายอต ให้กลายเป็นดินแดนอาณานิคมเพื่อการปลูกน้ำตาล และไม่นานทุกเกาะก็ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นดินแดนเพื่อการเพาะปลูกพืชส่งออกเช่นกัน พืชเหล่านั้น เช่น กระดังงา วานิลลา กาแฟ ต้นโกโก้ สับปะรด เป็นต้น [18]

ข้อตกลงในการมอบเอกราชได้เกิดขึ้นในปี 1973 และในปี 1978 คอโมโรส ก็ได้รับเอกราช ยกเว้นในเกาะมายอต การลงประชามติจะต้องมีมติเป็นเอกฉันท์ในทั้ง 4 เกาะ แต่มีเพียง 3 เกาะเท่านั้นที่มีมติเป็นเอกฉันท์ ขณะที่มายอตต่อต้านและยังคงอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศสต่อไป ในวันที่ 6 กรกฎาคม ปี 1975 รัฐบาลได้ประกาศกฎหมายร่างการเป็นเอกราช อาเหม็ด อับดัลลาห์ ได้ประกาศเอกราชของคอโมโรสและกลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกของคอโมโรส

การประกาศเอกราชปี 1975

ธงชาติคอโมโรส (1963 ถึง 1975)
ธงชาติคอโมโรส (1975 ถึง 1978)
อิกิลิลู โดอีนีน, ประธานาธิบดีแห่งคอโมโรส ดำรงตำแหน่ง 2011 ถึง 2016

หลังการประกาศเอกราช 30 ปีต่อจากนั้นคือความวุ่นวายทางการเมืองของคอโมโรสอย่างมาก เริ่มจากในวันที่ 3 สิงหาคม ปี 1975 ทหารรับจ้างชื่อ บ็อบ ดีนาร์ด ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างลับ ๆ จาก ฌาคส์ ฟอกการ์ และรัฐบาลฝรั่งเศส ทำการรัฐประหารรัฐบาลของอาเหม็ด อับดัลลาห์และให้เจ้าชายซาอิด โมฮัมเหม็ด จัฟฟาร์ สมาชิกของแนวร่วมแห่งชาติคอโมโรส หรือ ยูเอ็นเอฟขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทน ถัดมาแค่เดือนเดียว พระองค์ก็ถูกขับไล่โดยอาลี โซอิลีห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม[19]

ในเวลาเดียวกันที่เกาะมายอต ประชาชนก็ได้มีการลงประชามติถึง 2 ครั้งในการต่อต้านการประกาศเอกราชจากฝรั่งเศส ครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมปี 1974 เสียงส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 63.8 ยังคงต้องการอยู่ในการปกครองของฝรั่งเศสต่อไป ครั้งต่อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1976 คราวนี้เสียงเกือบทุกเสียงกว่าร้อยละ 99.4 ก็ยังคงยืนยันเช่นเดิม ขณะที่บนเกาะที่เหลือทั้ง 3 เกาะที่ถูกปกครองโดยประธานาธิบดีโซอิลีห์ สมาชิกส่วนใหญ่ของรัฐบาลมักจะเป็นพวกสังคมนิยม หรือไม่ก็พวกนิยมการปกครองอย่างโดดเดี่ยวซึ่งยิ่งทำให้ความสัมพันธ์กับฝรั่งเศสตึงเครียดไปทุกขณะ จนเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ปี 1978 บ็อบ ดีนาร์ด ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมทั้งล้มล้างอำนาจของโซอิลีห์ และได้แต่งตั้ง อับดัลลาห์กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง ภายใต้การหนุนหลังจากฝรั่งเศสซึ่งต้องการให้รัฐบาลเป็นของชาวโรดีเซียและแอฟริกาใต้ ในช่วงการครองอำนาจของโซอิลีห์ เขาต้องเผชิญหน้ากับการพยายามก่อรัฐประหารถึง 7 ครั้ง จนในที่สุดก็ถูกขับไล่และโดนสังหารในที่สุด[19][20]

ในทางตรงข้ามกับโซอิลีห์ ประธานาธิบดีอับดัลลาห์ถูกมองว่าเป็นพวกเผด็จการ ได้เพิ่มการยึดมั่นในประเพณีแบบศาสนาอิสลาม[21] และยังเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐอิสลามคอโมโรส (République Fédérale Islamique des Comores; جمهورية القمر الإتحادية الإسلامية ) อับดัลลาห์ยังคงเป็นประธานาธิบดีต่อไปจนกระทั่งปี 1989 เมื่อเขารู้สึกหวาดเกรงว่าจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้น เขาจึงได้ลงนามในกฤษฎีกากองกำลังแห่งประธานาธิบดี นำโดย บ็อบ ดีนาร์ด เพื่อปลดอาวุธกองกำลังติดอาวุธ ไม่นานหลังจากได้มีการลงนาม อับดัลลาห์ก็ถูกอ้างว่าโดนยิงโดยนายทหารนายหนึ่งที่ไม่พอใจในที่ทำการของเขาเอง แต่แหล่งที่มาในภายหลังอ้างว่า เขาถูกขีปนาวุธต่อต้านรถถังยิงเข้ามาในห้องนอน[22] และแม้ว่า บ็อบ ดีนาร์ด จะได้รับบาดเจ็บด้วย แต่ก็เป็นที่สงสัยว่า ผู้ที่สังหารอับดัลลาห์น่าจะเป็นทหารภายใต้สังกัดของเขานั่นเอง[23]

ไม่กี่วันต่อมา บ็อบ ดีนาร์ด ได้อพยพไปยังแอฟริกาใต้โดยพลร่มของฝรั่งเศส ซาอิด โมฮัมเหม็ด โฌอาร์ พี่ชายต่างแม่ของอับดัลลาห์ได้กลายเป็นประธานาธิบดีคนต่อมา และอยู่ในตำแหน่งจนถึงกันยายนปี 1995 เมื่อบ็อบ ดีนาร์ด กลับมาอีกครั้งกับความพยายามในการทำรัฐประหารอีก แต่คราวนี้ฝรั่งเศสเข้ามาแทรกแซงและบังคับให้ดีนาร์ดยอมจำนน[24][25] ฝรั่งเศสได้ถอดถอนโฌอาร์ออกจากตำแหน่งและให้ไปอยู่ที่รียูนิอองแทน ขณะที่โมฮัมเหม็ด ทากี อับดุลการิม ผู้ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากปารีสขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทนจากการเลือกตั้ง เขาเป็นผู้นำประเทศตั้งแต่ปี 1996 ผ่านช่วงเวลาของวิกฤตการณ์แรงงาน การปราบปรามของรัฐบาลต่อพวกพยายามแบ่งแบกดินแดนจนกระทั่งเขาสิ้นชีวิตในเดือนพฤศจิกายนปี 1998 ทาชีดีน เบน ซาอิด มาสซุนเด้ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทนชั่วคราว[26]

ในปี 1997 หมู่เกาะอ็องฌูอ็องและโมเอลี ได้ประกาศเอกราชจากคอโมโรส ในความพยายามที่จะนำการปกครองของฝรั่งเศสกลับมา แต่ฝรั่งเศสปฏิเสธคำขอจึงนำไปสู่การนองเลือดระหว่างกองกำลังฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายกบฏ และในเดือนเมษายน ปี 1999 พันเอกอซาลี อัสซูมานี่ หัวหน้าฝ่ายกองทัพได้ยึดอำนาจในการรัฐประหารนองเลือด โค่นประธานาธิบดีมาสซุนเด้ลงจากตำแหน่ง โดยอ้างว่าเป็นผู้นำที่อ่อนแอในการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่วิกฤต และทำให้นี่เป็นการรัฐประหารในคอโมโรสครั้งที่ 18 นับตั้งแต่ประกาศเอกราชในปี 1975 เป็นต้นมา[27] อย่างไรก็ตาม อซาลีก็ล้มเหลวในการที่จะรวบรวมอำนาจและสถาปนาการควบคุมเหนือหมู่เกาะ ซึ่งเป็นหัวข้อหนึ่งในการวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ สหภาพแอฟริกัน ภายใต้การอุปถัมภ์ของประธานาธิบดี เธโบ เอ็มเบกี้ แห่งแอฟริกาใต้เรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรเหนือเกาะอองฌูอ็อง เพื่อช่วยให้การเจรจาเพื่อความสมานฉันท์สำเร็จผล[28][29] ชื่ออย่างเป็นทางการของประเทศได้เปลี่ยนเป็นสหภาพคอโมโรส และระบบการเมืองที่เป็นอิสระได้ถูกสถาปนาขึ้นในแต่ละหมู่เกาะ พร้อมทั้งรัฐบาลแห่งสหภาพในการปกครองทั้งสามเกาะ

อซาลีก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อปี 2002 เพื่อลงแข่งขันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งคอโมโรส ซึ่งเขาก็ชนะการเลือกตั้ง ภายใต้การกดดันจากนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้นำทางทหารที่ได้อำนาจมาโดยใช้กำลัง และไม่ได้มีประชาธิปไตยในระหว่างที่มีอำนาจ อซาลีก็ได้นำคอโมโรสผ่านการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญซึ่งทำให้มีการเลือกตั้ง[30] ร่างกฎหมาย Loi des competences ผ่านการอนุมัติในปี 2005 ซึ่งได้กำหนดความรับผิดชอบในแต่ละรัฐบาล และกำลังอยู่ในขั้นตอนของการนำไปปฏิบัติให้เกิดผล การเลือกตั้งในปี 2006 อาเหม็ด อับดัลลาห์ โมฮัมเหม็ด แซมบี้ ก็ชนะการเลือกตั้ง เขาเป็นนักบวชมุสลิมนิกายสุหนี่ มีชื่อเล่นว่า “อยาโตลเลาะห์” จากการที่เขาได้ใช้เวลาไปศึกษาศาสนาอิสลามในอิหร่าน อซาลียอมรับผลการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผลให้เกิดสันติสุขขึ้นและเป็นการเปลี่ยนผ่านอำนาจโดยประชาธิปไตยเป็นครั้งแรก สำหรับหมู่เกาะนี้[31]

ในปี 2001 พันเอก โมฮัมเหม็ด บาซาร์ อดีตนายทหาร/ตำรวจฝรั่งเศส ได้ยึดอำนาจขึ้นเป็นประธานาธิบดีบนเกาะอ็องฌูอ็อง เขาจัดฉากการโหวตเมื่อเดือนมิถุนายน 2007 เพื่อยืนยันความเป็นผู้นำของเขา รัฐบาลกลางคอโมโรสไม่ยอมรับเพราะผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับสหภาพแอฟริกัน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2008 ทหารนับร้อยจากสหภาพแอฟริกันและคอโมโรส เข้ายึดอำนาจจากพวกกบฏบนเกาะอ็องฌูอ็อง ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากประชาชน มีรายงานว่าประชาชนนับร้อยถึงพันถูกทรมานระหว่างการดำรงตำแหน่งของบาซาร์[32] กบฏบางคนถูกฆ่าตายและได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีตัวเลขอย่างเป็นทางการ พลเรือนอย่างน้อย 11 คนได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่บางคนถูกคุมขัง บาซาร์ได้หลบหนีโดยเรือสปีดโบทไปยังดินแดนของฝรั่งเศสในมหาสมุทรอินเดียแห่งมายอตเพื่อหาที่ลี้ภัย

ตั้งแต่ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส คอโมโรสมีประสบการณ์การรัฐประหารกว่า 20 ครั้ง[33]

หลังการเลือกตั้งเมื่อปลายปี 2010 อดีตรองประธานาธิบดี อิกิลีลู โดไอนีน ก็เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2011 เขาเป็นสมาชิกในพรรครัฐบาลมาก่อน ได้รับการสนับสนุนการเลือกตั้งจากอดีตประธานาธิบดีอาเหม็ด อับดัลลาห์ โมฮัมเหม็ด แซมบี้ โดไอนีน ซึ่งเป็นเภสัชกร เป็นประธานาธิบดีของคอโมโรสคนแรกที่มาจากเกาะโมเอลี

สภาพภูมิศาสตร์

แผนที่ของประเทศคอโมโรส

คอโมโรสประกอบไปด้วยเกาะเอ็นกาซิดจา (กรองด์ กอมอร์), เกาะเอ็มวาลี (โมเอลี), เกาะเอ็นซวานี่ (อ็องฌูอ็อง) และเกาะมาออเร่ (มายอตต์) ทั้งหมดนี้เป็นเกาะสำคัญในหมู่เกาะคอโมโรส ในขณะที่มีหมู่เกาะเล็กน้อยอีกมากมาย เกาะเป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในภาษาคอโมเรียนของพวกเขาเอง แม้จะมีชื่อในภาษาต่างประเทศด้วยก็ตามจะใช้ชื่อในภาษาฝรั่งเศส (ในวงเล็บ) เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดคือ โมโรนี่ ตั้งอยู่บนเกาะเอ็นกาซิดจา หมู่เกาะตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ในช่องแคบโมซัมบิก ระหว่างชายฝั่งแอฟริกัน (ใกล้โมซัมบิกและแทนซาเนีย) กับมาดากัสดาร์ ไม่มีพรมแดนที่อยู่บนแผ่นดิน

ด้วยขนาดเพียง 2,034 ตารางกิโลเมตร (785 ตารางไมล์) ทำให้เป็นหนึ่งในประเทศที่เล็กที่สุดในโลก คอโมโรสยังมีการอ้างสิทธิพื้นที่ทางทะเลอีกประมาณ 320 ตารางกิโลเมตร (120 ตารางไมล์) สภาพภายในหมู่เกาะมีความหลากหลายตั้งแต่ภูเขาสูงชันไปจนถึงเนินเขาเตี้ย ๆ

เอ็นกาซิดจาเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะคอโมโรส มีขนาดโดยประมาณเท่ากับขนาดของเกาะที่เหลือรวมกัน มันเป็นเกาะที่เกิดใหม่ดังนั้นดินจึงมีลักษณะเป็นหินดิน ลักษณะภูมิประเทศที่โดดเด่นของเกาะนี้คือมีภูเขาไฟสองลูก คาร์ธาล่า (ยังปะทุอยู่) และ ลา กริลล์ (ดับสนิทแล้ว) และลักษณะของชายฝั่งที่ไม่สามารถทำเป็นท่าเรือได้ เอ็มวาลี มีเมืองหลวงชื่อ ฟอมโบนี่ เป็นเกาะที่เล็กที่สุดในบรรดา 4 เกาะสำคัญ เอ็นซวานี่ มีเมืองหลวงชื่อ มัทซามูดู มีลักษณะที่โดดเด่นโดยเป็นรูปสามเหลี่ยมซึ่งเกิดจากภูเขาสามลูก ซีมา นีอูมาเคเล่ และจีมีลีเม่ กระจายตัวจากจุดสูงสุด เอ็นตริงกี้ (1,575 m หรือ 5,167 ft)

เกาะที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในหมู่เกาะแห่งนี้ คือ มายอต ซึ่งอุดมไปด้วยดินที่อุดมสมบูรณ์ ขณะเดียวกันก็มีสภาพชายฝั่งที่ดีเหมาะแก่การทำเป็นท่าเรือ พร้อมด้วยประชากรปลาที่มีมากเนื่องจากแนววงแหวนปะการัง ซาอุดซี่ เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของอาณานิคมคอโมโรส ตั้งอยู่บนเกาะปามานซี (ฝรั่งเศส : Petite-Terre) เกาะเล็กที่ใหญ่ที่สุดของเกาะมาออเร่ ขณะที่เมืองหลวงในปัจจุบันคือ มามูดซู คำว่า มายอตต์ (หรือมาออเร่) อาจจะหมายถึงกลุ่มของหมู่เกาะ เกาะที่ใหญ่ที่สุดเรียกว่า มาออเร่ (ฝรั่งเศส: Grande-Terre) และรอบเกาะมาออเร่มีเกาะปามานซีที่สะดุดตาที่สุด (Petite-Terre)

มุมมองดาวเทียมของภูเขาคาร์ธาล่าหลังจากการระเบิดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2005 ฝุ่นควันปกคลุมทั่วบริเวณเกาะ.

หมู่เกาะคอโมโรสก่อตัวขึ้นโดยการระเบิดของภูเขาไฟ ภูเขาไฟคาร์ธาล่าที่ตั้งอยู่บนเกาะเอ็นซาชิดจา เป็นจุดที่สูงที่สุดของประเทศ มีความสูง 2,361 เมตรหรือ 7,748 ฟุต มันยังเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของคอโมโรสที่ไม่มีป่าฝนเขตร้อน คาร์ธาล่า เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังมีการปะทุอยู่ในโลก มีการระเบิดเล็กน้อยเมื่อปี 2006 และก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน 2005 และ 1991 ในการระเบิดเมื่อปี 2005 ซึ่งกินเวลาตั้งแต่ 17-19 เมษายน ประชาชนกว่า 40,000 คนต้องอพยพ บริเวณรอบปากปล่องภูเขาไฟรัศมีกว่า 3-4 กิโลเมตรถูกทำลายทั้งหมด

คอโมโรสยังได้อ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะกลอริโอโซ่ ซึ่งประกอบไปด้วย เกาะกร็องด์ เกลอยูส (Grande Glorieuse) เกาะอีล ดู ลีส์ (Île du Lys) เกาะขนาดเล็กอีก 3 เกาะ อย่าง เกาะเร็ก ร็อก(Wreck Rock) เกาะเซาท์ ร็อก(South Rock) เกาะเวิร์ท ร็อก(Verte Rocks) และอีก 3 เกาะเล็ก ๆ ที่ไม่มีชื่อ ซึ่งหนึ่งในนั้นอยู่ในการปกครองของหมู่เกาะที่กระจัดกระจายในมหาสมุทรอินเดียของฝรั่งเศส Îles Éparses or Îles éparses de l'océan indien (Scattered Islands in the Indian Ocean) หมู่เกาะกลอริโอโซ่ถูกปกครองโดยชาวอาณานิคมคอโมโรสตั้งแต่ก่อนปี 1975 ซึ่งบางครั้งก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะคอโมโรส อดีตเกาะในหมู่เกาะคอโมโรสอย่าง บัง ดู เกย์เซอร์ ซึ่งตอนนี้ได้จมลงแล้ว และอยู่ใกล้กับหมู่เกาะที่กระจัดกระจายฯ ของฝรั่งเศส ถูกมาดากัสการ์เข้ายึดครองในปี 1976 ในฐานะดินแดนที่ยังไม่มีการอ้างสิทธิ ปัจจุบัน คอโมโรสได้เรียกร้องให้เขตดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจพิเศษ

สภาพภูมิอากาศ

สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปร้อนและอบอุ่น มีสองฤดูกาลที่สำคัญซึ่งขึ้นกับปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 29-30 องศาเซลเซียส (84-86 องศาฟาเรนไฮต์) ในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในฤดูฝน (เรียกว่าคาชคาซี่ ช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน) และอุณหภูมิโดยเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 19 องศาเซลเซียส (66 องศาฟาเรนไฮต์) ในฤดูหนาว ซึ่งมีอากาศเย็นและแห้ง (เรียกว่า คูซี่ เดือนพฤษภาคม-พฤศจิกายน)[34] หมู่เกาะนี้ไม่ค่อยได้รับอิทธิพลของพายุไซโคลนมากนัก

ระบบนิเวศน์และสภาพแวดล้อม

หมู่เกาะคอโมโรสมีสภาพนิเวศน์ท้องถิ่นในแบบของตัวเอง ซึ่งเรียกว่า ป่าคอโมโรส

รัฐบาล

โมโรนีเมืองหลวงของคอโมโรสพร้อมด้วยอ่าวฮาร์เบอร์และมัสยิดกลาง

ระบบการเมืองของหมู่เกาะคอโมโรสเกิดขึ้นในรูปของสหพันธ์สาธารณรัฐประธานาธิบดี ซึ่งประธานาธิบดีของคอโมโรสจะเป็นผู้นำทั้งของรัฐและรัฐบาล มีระบบพรรคการเมืองแบบหลายพรรค รัฐธรรมนูญของสหภาพคอโมโรสเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปจากการลงประชามติเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2001 และมีการเลือกตั้งในเดือนถัดมา ก่อนหน้านี้การปกครองของคอโมโรสเป็นแบบเผด็จการทหาร การถ่ายโอนอำนาจจากอซาลี อัสซูมานี่ไปสู่อาห์เหม็ด อับดัลเลาะห์ โมฮาเหม็ด แซมบี ในปี 2006 เป็นการถ่ายโอนอำนาจที่สงบสุขเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์คอโมโรส

อำนาจบริหารถูกใช้โดยรัฐบาล อำนาจนิติบัญญัติแห่งชาติก็ตกเป็นของทั้งรัฐบาลและรัฐสภา คำปรารภในรัฐธรรมนูญช่วยยืนยันว่าศาสนาอิสลามจะเป็นแรงบันดาลใจในการปกครอง ความมุ่งมั่นในสิทธิมนุษยชน และสิทธิอื่น ๆ อีกหลายข้อตามที่ได้ระบุไว้ ประชาธิปไตยคือชะตากรรมร่วมกันของชาวคอโมโรสทุกคน[35] ในแต่ละเกาะ (ตามบทที่สองแห่งรัฐธรรมนูญ) จะมีอิสระในการปกครองตนเองรวมไปถึง มีรัฐธรรมนูญเป็นของตนเอง(หรือกฎหมายพื้นฐานบางอย่าง) มีประธานาธิบดีและรัฐสภา ประธานาธิบดีและสภาของสหภาพจะมีความแตกต่างไปจากรัฐบาลของแต่ละเกาะ ประธานาธิบดีของสหภาพจะหมุนเวียนกันไปในแต่ละเกาะ[36] ปัจจุบัน โมเอลีเป็นเกาะที่มีสิทธิในตำแหน่งหมุนเวียน และดังนั้น อิกิลีลู โดไอนีน จึงเป็นประธานาธิบดีของสหภาพ เกาะถัดไปได้แก่ กร็องด์ กอมอร์ และ อันฌูอัน ตามลำดับในวาระ 4 ปี[37]

ระบบกฎหมาย

ระบบกฎหมายของชาวคอโมโรสอยู่ภายใต้กฎหมายอิสลาม ประมวลกฎหมายที่สืบทอดมาจากฝรั่งเศส (ประมวลกฎหมายนโปเลียน) และกฎหมายจารีตประเพณี (mila na ntsi) ผู้สูงอายุในหมู่บ้าน คาดิสหรือศาลเตี้ยมักจะเป็นผู้ตัดสินข้อพิพาทต่าง ๆ ฝ่ายตุลาการเป็นอิสระจากฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ศาลฎีกาทำหน้าที่เป็นสภารัฐธรรมนูญในการแก้ไขข้อสงสัยในรัฐธรรมนูญและดูแลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในฐานะศาลสูงยุติธรรม ศาลฎีกาก็จะทำหน้าที่ตัดสินในกรณีที่รัฐบาลถูกกล่าวหาว่าทุจริต ศาลฎีกาประกอบด้วยสมาชิกสองคนที่ได้รับเลือกจากประธานาธิบดี สองคนได้รับการเลือกตั้งโดยสมัชชาแห่งชาติและอีกคนหนึ่งโดยสภาของแต่ละเกาะ[36]

วัฒนธรรมทางการเมือง

ประมาณร้อยละ 80 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาลกลาง ใช้ไปในระบบการเลือกตั้งที่ซับซ้อนของประเทศซึ่งมีรัฐบาลกึ่งอิสระและประธานาธิบดีในแต่ละสามเกาะ และมีการหมุนเวียนตำแหน่งประธานาธิบดีของรัฐบาลสหภาพ[38] การลงประชามติเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 เพื่อตัดสินใจว่าจะลดขั้นตอนของระบบการเมืองที่ยุ่งยากนี้ลงหรือไม่ มีผู้ออกมาใช้เสียงเป็นจำนวนร้อยละ 52.7 และร้อยละ 93.8 ของผู้มาใช้สิทธิมีความเห็นพ้องกับประชามตินี้ การลงประชามติจะทำให้ประธานาธิบดีของเกาะแต่ละแห่งกลายเป็นผู้ว่าราชการและรัฐมนตรีกลายเป็นสมาชิกสภา[39]

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ในเดือนพฤศจิกายน 2518 คอโมโรสกลายเป็นสมาชิกชาติที่ 143 ของสหประชาชาติ ประเทศใหม่นี้ถูกกำหนดให้ครอบคลุมทุกหมู่เกาะถึงแม้พลเมืองของมายอตจะเลือกที่จะเป็นพลเมืองฝรั่งเศส และรักษาเกาะของตนให้เป็นดินแดนของฝรั่งเศสก็ตาม[40]

คอโมโรสได้กดดันในการอ้างสิทธิเหนือมายอตอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมีการประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติซึ่งได้มีการจัดทำมติภายใต้หัวข้อ "คำถามเกาะคอโมโรสแห่งมายอต" ซึ่งเป็นข้อคิดเห็นว่าเกาะมายอตเป็นของคอโมโรสภายใต้หลักการที่ว่า ดินแดนอาณานิคมควรได้รับการคุ้มครองไว้เมื่อได้รับอิสรภาพ อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ มติเหล่านี้มีผลเพียงเล็กน้อยและไม่มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถคาดการณ์ได้ว่า มายอตจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของคอโมโรสโดยไม่ได้รับความยินยอมจากประชาชน เมื่อเร็ว ๆ นี้สมัชชาแห่งชาติยังคงรักษาวาระนี้ไว้ในวาระการประชุม แต่เลื่อนออกไปเป็นปี ๆ โดยไม่ดำเนินการใด ๆ หน่วยงานอื่น ๆ รวมทั้งองค์การเอกภาพแอฟริกา กลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและองค์การความร่วมมืออิสลาม ได้ตั้งคำถามที่คล้ายกันเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยของฝรั่งเศสเหนือมายอต[5][41] เพื่อปิดการอภิปรายและเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรวมเข้าด้วยกันโดยใช้กำลังของสหภาพคอโมโรส ประชากรของมายอตได้เลือกอย่างท่วมท้น ที่จะกลายเป็นภูมิภาคโพ้นทะเลของประเทศฝรั่งเศสในการลงประชามติในปีพ.ศ. 2552 สถานะใหม่นี้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 31 มีนาคม 2554 และมายอตได้รับการยอมรับว่าเป็นพื้นที่ไกลสุดของสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2557 การตัดสินใจรวมมายอตเข้าเป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศสครั้งนี้ถูกต้องตามกฎหมายและแบ่งแยกไม่ได้

คอโมโรสเป็นสมาชิกของสหภาพแอฟริกา สหภาพอาหรับ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูยุโรป ธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ คณะกรรมาธิการมหาสมุทรอินเดียและธนาคารเพื่อการพัฒนาแอฟริกัน เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2551 คอโมโรสกลายเป็นประเทศที่ 179 ในการยอมรับพิธีสารเกียวโตต่อกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ[42]

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 สหภาพคอโมโรสกลายเป็นที่รู้จักในการยื่นคำร้องต่อสำนักงานอัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน "การโจมตีของอิสราเอลเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เกี่ยวกับกองกำลังความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมุ่งสู่ฉนวนกาซา" ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2557 อัยการสูงสุดของ ICC ตัดสินใจว่า[43]เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดอาชญากรรมสงคราม แต่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานน้ำหนักของการนำคดีไปสู่การพิจารณาของ ICC[44] อัตราการอพยพคนงานมีฝีมือมีค่าประมาณร้อยละ 21.2 ในปี 2543[45]

การทหาร

แหล่งข้อมูลทางการทหารของคอโมโรสประกอบด้วยกองกำลังขนาดเล็กและกองกำลังตำรวจ 500 คนรวมถึงกองกำลังป้องกันสมาชิกอีก 500 คน สนธิสัญญาป้องกันประเทศกับฝรั่งเศสได้จัดให้มีกองกำลังทหารเรือเพื่อปกป้องน่านน้ำ การฝึกอบรมบุคลากรทางทหารของคอโมโรสและการเฝ้าระวังทางอากาศ ฝรั่งเศสยังคงมีเจ้าหน้าที่อาวุโสอยู่ไม่กี่คนตามคำเรียกร้องของรัฐบาลคอโมโรส และยังมีฐานการเดินเรือขนาดเล็กและหน่วยกองพันต่างประเทศ (DLEM) บนเกาะมายอต

เมื่อรัฐบาลใหม่ได้รับการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน พ.ศ. 2554 ภารกิจที่เชี่ยวชาญจาก UNREC (Lomé) ได้มายังคอโมโรสและได้จัดทำแนวทางในการจัดทำนโยบายด้านความมั่นคงของชาติ ซึ่งถูกพิจารณาโดยผู้เกี่ยวข้องที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์กรป้องกันประเทศและพลเรือนภาคสังคม[46] หลังจากสิ้นสุดโครงการเมื่อปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 มีการกำหนดกรอบข้อตกลงโดยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องใน SSR จะถูกจัดตั้งขึ้น จากนั้นจะต้องมีการรับรองจากรัฐสภาและดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่

เศรษฐกิจ

ตัวอย่างสัดส่วนการส่งออกของคอโมโรส.

คอโมโรสเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก การเติบโตทางเศรษฐกิจและการลดความยากจนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับรัฐบาล ด้วยอัตราร้อยละ 14.3 ของการว่างงานถือว่าสูงมาก เกษตรกรรมรวมถึงการประมง การล่าสัตว์และการป่าไม้เป็นภาคเศรษฐกิจชั้นนำและ ร้อยละ38.4 ของประชากรทำงานอยู่ในภาคเกษตรกรรมหลักนี้[47]

ความหนาแน่นของประชากรที่สูงถึง 1000 คนต่อตารางกิโลเมตรในเขตเกษตรกรรมที่หนาแน่นที่สุดซึ่งเกี่ยวกับการเพาะปลูก เศรษฐกิจแบบการเกษตรอาจนำไปสู่วิกฤตสิ่งแวดล้อมในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากอัตราการเติบโตของประชากรที่สูง ในปี 2547 การเติบโตทางเศรษฐกิจของคอโมโรสที่แท้จริงต่ำถึง 1.9% และ GDP ต่อหัวของประเทศยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง การลดลงดังกล่าวได้รับการอธิบายโดยปัจจัยต่าง ๆ เช่น การลงทุนที่ลดลง การบริโภคลดลง อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นและความไม่สมดุลของการค้าที่เพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากราคาพืชลดลงโดยเฉพาะวานิลลา[47]

นโยบายการคลังถูกจำกัดด้วยรายได้จากการคลังที่ไม่แน่นอน ค่าจ้างการบริการสาธารณะที่ขยายตัว และหนี้ต่างประเทศที่สูงกว่าเกณฑ์ HIPC การเป็นสมาชิกในฟรังก์โซนซึ่งเป็นจุดยึดหลักของเสถียรภาพยังคงเป็นแรงกดดันต่อราคาในประเทศ[48]

คอโมโรสมีระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอ ประชากรที่มีอายุน้อยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและทรัพยากรธรรมชาติมีน้อย ระดับการศึกษาที่ต่ำของแรงงานก่อให้เกิดระดับของกิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบพอยังชีพ การว่างงานที่สูงและการพึ่งพาอาศัยเงินทุนจากต่างประเทศและความช่วยเหลือด้านเทคนิค เกษตรกรรมมีสัดส่วนร้อยละ 40 ของ GDP มีการจ้างงานร้อยละ 80 และโดยมากเพื่อการส่งออก คอโมโรสเป็นผู้ผลิตกระดังงารายใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นผู้ผลิตวานิลลารายใหญ่[49]

รัฐบาลกำลังดิ้นรนเพื่อยกระดับการศึกษาและการฝึกอบรมทางเทคนิค เพื่อแปรรูปรัฐวิสาหกิจทางการค้าและอุตสาหกรรม เพื่อปรับปรุงบริการด้านสุขภาพ เพื่อกระจายการส่งออก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเพื่อลดอัตราการเติบโตของประชากรในอัตราสูง[50]

คอโมโรสอ้างสิทธิเหนือแนวปะการัง the Banc du Geyser และ หมู่เกาะ Glorioso ว่าเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ[51]

คอโมโรสเป็นสมาชิกขององค์การเพื่อการกลืนกินกฎหมายธุรกิจในแอฟริกา (OHADA)[52]

สังคม

ข้อมูลประชากร

มัสยิดในเมืองโมโรนี

ด้วยประชากรที่น้อยกว่าล้านคน คอโมโรสเป็นประเทศที่มีประชากรน้อยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่เป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดโดยมีประชากรเฉลี่ย 392 คนต่อตารางกิโลเมตร (710/ตารางไมล์) ในปี 2544 ประชากรร้อยละ 34 อยู่ในเขตเมือง และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีกเนื่องจากประชากรในเขตชนบทลดลง ขณะที่การเติบโตของประชากรโดยรวมยังค่อนข้างสูง[53]

เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรของคอโมโรสมีอายุต่ำกว่า 15 ปี[54] เมืองที่สำคัญ ได้แก่ โมโรนี มูตซัมมูดู โดโมนี ฟอมโบนี เซมเบฮู มีชาวคอโมโรสประมาณ 200,000 ถึง 350,000 คนในฝรั่งเศส[55]

กลุ่มชาติพันธุ์

ชาวหมู่เกาะคอโมโรสส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกันอาหรับ หนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะต่าง ๆ ของคอโมโรสยังคงเป็นชาว Shirazi[56] ชนกลุ่มน้อย ทั้งชาวมาดากัสการ์ (คริสเตียน) และอินเดีย (ส่วนใหญ่เป็นอิสลาม นิกาย Ismaili) และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาตั้งแต่การตั้งถิ่นฐานของชาวฝรั่งเศสในช่วงแรก คนจีนยังมีอยู่ในบางส่วนของเกาะกร็องด์กอมอร์ (โดยเฉพาะในโมโรนี) ชนกลุ่มน้อยชาวฝรั่งเศสผิวขาวที่มีเชื้อสายยุโรป (เช่นดัตช์อังกฤษและโปรตุเกส) อาศัยอยู่ในคอโมโรสก็มีบ้าง ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่อพยพไปหลังจากการประกาศอิสรภาพในปี พ.ศ. 2518[57]

ภาษา

ภาษาที่ใช้ทั่วไปในคอโมโรส คือ ภาษาคอโมโรสหรือชิโกโมริ (Shikomori) เป็นภาษาที่สัมพันธ์กับภาษาสวาฮิลีโดยมีการพูดที่แตกต่างกันถึงสี่สำเนียง (Shingazidja, Shimwali, Shinzwani และ Shimaore) บนเกาะแต่ละแห่งทั้ง 4 เกาะ อักษรอาหรับและละตินก็มีการใช้เช่นเดียวกัน อักษรอาหรับเป็นอักษรที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น และเพิ่งมีการพัฒนาอักขรวิธีขึ้นอย่างเป็นทางการสำหรับอักษรละติน[58]

ภาษาอาหรับและภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการตามด้วยภาษาคอโมโรส ภาษาอาหรับเป็นภาษาที่สองที่ใช้ในการสอนอัลกุรอาน ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ใช้ในการบริหารและเป็นภาษาที่ใช้ในการศึกษานอกระบบอัลกุรอานทั้งหมด ภาษามาลากาซี ภาษา Kibushi มีผู้ใช้โดยประมาณหนึ่งในสามของประชากรบนเกาะมายอต[59]

ศาสนา

การนับถือศาสนาในคอโมโรส[57]
อิสลาม
  
98%
คริสต์
  
2%
ทิวทัศน์ของเมืองชายฝั่งในอ็องฌูอ็องรวมถึงมัสยิด

ศาสนาอิสลาม นิกายสุหนี่ เป็นศาสนาที่มีบทบาทสำคัญซึ่งคิดเป็นร้อยละ 98 ของประชากร ประชากรกลุ่มน้อยในคอโมโรสส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพจากนครหลวงฝรั่งเศสเป็นชาวโรมันคาทอลิก[57]

สุขภาพ

มีแพทย์ 15 คนต่อประชากร 100,000 คน อัตราการเจริญพันธุ์อยู่ที่ 4.7 ต่อผู้หญิง 1 คนในปี 2547 อายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 67 สำหรับเพศหญิงและ 62 สำหรับผู้ชาย[60]

การศึกษา

เกือบทั้งหมดของประชากรที่มีการศึกษาของคอโมโรสได้เข้าเรียนในโรงเรียนกุรอานในช่วงชีวิตหนึ่งของพวกเขา ก่อนที่จะได้รับการศึกษาตามปกติ ที่นี่เด็กชายและเด็กหญิงได้รับการสอนเกี่ยวกับอัลกุรอานและต้องจดจำ พ่อแม่บางคนเลือกการสอนแบบนี้ในตอนแรก ก่อนที่จะชดเชยการเรียนการสอนในโรงเรียนภาษาฝรั่งเศสให้กับเด็กในภายหลัง นับตั้งแต่การประกาศอิสรภาพและการขับครูชาวฝรั่งเศสออกไป ระบบการศึกษาได้รับผลกระทบจากการฝึกอบรมครูที่แย่มากและผลลัพธ์ที่แย่เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี ความมั่นคงที่เพิ่งเกิดขึ้นจะช่วยให้มีการปรับปรุงที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น[21]

ในปี 2543 เด็กที่อายุระหว่าง 5 ถึง 14 ปีอยู่ในโรงเรียนถึงร้อยละ 44.2 มีความขาดแคลนทั่วไปของสิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ ครูที่มีคุณสมบัติ ตำราและทรัพยากรอื่น ๆ ค่าจ้างสำหรับครูมักจะถูกค้างชำระจนหลายคนปฏิเสธที่จะทำงาน[61]

ประมาณร้อยละห้าสิบของประชากรสามารถเขียนอักษรละตินได้ ขณะที่มากกว่าร้อยละ 90 สามารถเขียนอักษรอาหรับได้ มีผู้อ่านออกเขียนได้ประมาณร้อยละ 77.8[62] ภาษาคอโมโรสไม่มีอักษรดั้งเดิมแต่สามารถใช้อักษรได้ทั้งละตินและอาหรับ

วัฒนธรรม

สตรีชาวคอโมโรสพื้นถิ่นจะสวมชุดที่คล้ายส่าหรีที่มีสีสันสวยงามเรียกกันว่า ชิโรมานี (shiromani) และปะแป้งด้วยผงไม้จันทน์และปะการังที่เรียกกันว่า ซินซาโน (msinzano) บนหน้าของพวกเขา[63] เสื้อผ้าผู้ชายแบบดั้งเดิมเป็นกระโปรงยาวสีสันสดใสและเสื้อเชิ้ตสีขาวยาว ๆ[64]

เครือญาติและโครงสร้างทางสังคม

ชาวคอโมโรส

สังคมคอโมโรสจะมีระบบการสืบเชื้อสายแบบสองด้าน สมาชิกโดยสายเลือดและมรดกอสังหาริมทรัพย์ (ที่ดิน, บ้าน) ส่งผ่านทางสายมารดา คล้ายกับชาวบันตูหลายคนก็มีการสืบเชื้อสายทางมารดาเช่นเดียวกัน ขณะที่สิ่งของอื่น ๆ และนามสกุลจะสืบทอดทางสายบิดา อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างในแต่ละเกาะ การสืบเชื้อสายทางแม่จะเข้มกว่าบนเกาะเอ็นกาซิดจา[65]

ดนตรี

ดนตรีทารับแบบแซนซิบาร์ยังคงเป็นแนวเพลงมีอิทธิพลมากที่สุดบนหมู่เกาะ[66]

สื่อ

มีหนังสือพิมพ์แห่งชาติของรัฐบาลในคอโมโรส ชื่อ อัล-วัตวาน (Al-Watwan)[67] ตีพิมพ์ในโมโรนี วิทยุคอโมโรสคือบริการวิทยุแห่งชาติและคอโมโรสเนชั่นแนลทีวีคือบริการด้านโทรทัศน์

อ้างอิง

บรรณานุกรม

  • Martin Ottenheimer and Harriet Ottenheimer (1994). Historical Dictionary of the Comoro Islands. African Historical Dictionaries; No. 59. Metuchen, N.J.: Scarecrow Press. ISBN 978-0-585-07021-6.

แหล่งข้อมูลอื่น


🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง