การทารุณเด็กทางเพศ

การทารุณเด็กทางเพศ[1](อังกฤษ: Child sexual abuse ตัวย่อ CSA, อังกฤษ: child molestation)หรือ การกระทำทารุณต่อเด็กทางเพศ[2]หรือ การทำร้ายเด็กทางเพศ[3]เป็นรูปแบบการกระทำทารุณต่อเด็กที่ผู้ใหญ่, หรือเยาวชนหรือวัยรุ่นที่มีอายุมากกว่าและต่างระดับพัฒนา[4]ใช้เด็กกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ[5][6]มีรูปแบบตั้งแต่การขอหรือบังคับให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเพศ (ไม่ว่าจะได้ผลตามที่ต้องการหรือไม่), การแสดงสิ่งลามกอนาจารไม่ว่าจะเป็นอวัยวะเพศ หัวนมหญิง เป็นต้น เพื่อสนองความต้องการทางเพศของตน เพื่อขู่ขวัญเด็กหรือเพื่อปะเหลาะประเล้าประโลมเตรียมเด็กเพื่อทารุณกรรม, การสัมผัสเด็กทางเพศ, หรือการใช้เด็กเพื่อผลิตสื่อลามกอนาจาร[5][7][8]

ทารุณกรรมสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายที่หลายสถานรวมทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือสำนักงานที่มีเด็กทำงานเป็นปกติการจับเด็กแต่งงานเป็นรูปแบบการทารุณหลักอย่างหนึ่งที่กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ได้กล่าวไว้ว่า "อาจเป็นรูปแบบการทารุณและฉวยผลประโยชน์จากเด็กหญิงทางเพศที่แพร่หลายที่สุด"[9]

ทารุณกรรมต่อเด็กส่งผลทางจิตใจ ให้เกิดความซึมเศร้า[10]ความวิตกกังวล[11]ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ[12]ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจแบบซับซ้อน (complex post-traumatic stress disorder)[13]ความโน้มเอียงที่จะตกเป็นเหยื่อทารุณกรรมอีกในวัยผู้ใหญ่[14]รวมทั้งการบาดเจ็บทางกาย และเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาทั้งหมด[15]

ทารุณกรรมโดยสมาชิกครอบครัวซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการร่วมประเวณีกับญาติสนิท จะก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงยิ่งกว่าต่อเด็ก ส่งผลกระทบต่อจิตใจในระยะยาว โดยเฉพาะในกรณีที่ทำโดยผู้ปกครอง[16] ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง พ่อบุญธรรม แม่บุญธรรม

ความแพร่หลายทั่วโลกของทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กประเมินอยู่ที่ 19.7% ในหญิง และ 7.9% ในชาย[17]ผู้กระทำผิดส่วนมากรู้จักเหยื่อ ราว 30% เป็นญาติ บ่อยที่สุดเป็นพี่ชาย พ่อ ลุง หรือลูกพี่ลูกน้อง ราว 60% เป็นคนรู้จักอื่นอย่างเช่น "เพื่อน"ของคนในครอบครัว พี่เลี้ยงเด็ก หรือเพื่อนบ้าน และราว 10% เป็นคนแปลกหน้า[18]ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เป็นชาย จากการศึกษาพบว่า หญิงทำผิดต่อ 14-40% ของเหยื่อเด็กชาย และ 6% ของเหยื่อเด็กหญิง[18][19][20](โดยที่เหลือของเหยื่อทำโดยผู้ทำผิดเพศชาย) ส่วนคำภาษาอังกฤษว่า pedophile (คนใคร่เด็ก) มักจะใช้อย่างไม่เลือกกับทุก ๆ คนที่ทารุณเด็กทางเพศ[21]แต่ผู้ทำผิดต่อเด็กทุกคนไม่ใช่คนใคร่เด็ก ยกเว้นถ้ามีความรู้สึกทางเพศที่รุนแรงกับเด็กที่อยู่ในวัยก่อนหนุ่มสาว[22][23] และคนใคร่เด็กทุกคนก็ไม่ใช่ผู้ทำผิดต่อเด็ก[22][24][25]

ในกฎหมายบางประเทศ คำว่า child sexual abuse (การทารุณเด็กทางเพศ) ใช้เป็นคำคลุมทั้งการละเมิดกฎหมายอาญาและแพ่ง ที่ผู้ใหญ่ทำกิจทางเพศร่วมกับผู้เยาว์ หรือฉวยประโยชน์จากผู้เยาว์เพื่อสนองความรู้สึกทางเพศ[8][26]สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (American Psychological Association) ยืนยันว่า "เด็กไม่สามารถยินยอมมีกิจกรรมทางเพศร่วมกับผู้ใหญ่" และประณามการทำเช่นนั้นของผู้ใหญ่ คือ"ผู้ใหญ่ที่มีกิจกรรมทางเพศร่วมกับเด็ก กำลังละเมิดทั้งกฎหมายและจริยธรรม ที่ไม่มีทางพิจารณาได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่ปกติหรือที่ยอมรับได้ในสังคม"[27]

ผลต่อเด็ก

ทางจิต

การทารุณเด็กทางเพศสามารถมีผลทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งโรคจิตต่าง ๆ ต่อ ๆ มาในชีวิต[15][28]อาการและผลรวมทั้งภาวะซึมเศร้ารุนแรง[10][29][30]ความวิตกกังวล[11]ความผิดปกติในการรับประทาน (eating disorders)[31]การมีความเคารพตน (self-esteem) ต่ำ[31]การเกิดโรคกายเหตุจิต (somatization)[30]ความผิดปกติในการนอน (sleep disturbances)[32][33]โรคดิสโซสิเอทีฟ (Dissociative identity disorder), และโรควิตกกังวล รวมทั้งความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ (PTSD)[12][34]แม้ว่าเด็กอาจจะแสดงพฤติกรรมย้อนวัยเช่น การดูดนิ้วหัวแม่มือ และการถ่ายรดที่นอน แต่อาการที่ชัดเจนที่สุดของการถูกทารุณกรรมทางเพศก็คือ การเล่นเลียนแบบทางเพศ และการมีความรู้ความสนใจทางเพศที่ไม่สมควรต่อวัย[35][36]เด็กอาจจะไม่สนใจไปโรงเรียนหรือเล่นกับเพื่อน[35]และมีปัญหาด้านการเรียนการประพฤติหลายอย่างรวมทั้งการกระทำทารุณโหดร้ายต่อสัตว์[37][38][39][40]การมีสมาธิสั้น (ADHD)ความผิดปกติทางความประพฤติ (conduct disorder)และความผิดปกติแบบท้าทายชอบทำตรงกันข้าม (oppositional defiant disorder)[31]ในช่วงวัยรุ่น อาจจะเกิดตั้งครรภ์และพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยง[41]เหยื่อทารุณกรรมแจ้งการทำร้ายตนเองเกือบถึง 4 เท่าของปกติ[42]

งานศึกษาให้ทุนโดย National Institute of Drug Abuse ของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาพบว่า "ในหญิงผู้ใหญ่เกิน 1,400 คน การถูกทารุณทางเพศในวัยเด็กสัมพันธ์กับโอกาสสูงขึ้นในการติดยาเสพติด ติดสุรา และมีความผิดปกติทางจิต เช่น เมื่อแสดงความสัมพันธ์เป็นอัตราส่วนปัจจัยเสี่ยง หญิงที่ถูกทารุณกรรมทางเพศที่ไม่เกี่ยวกับอวัยวะเพศมีโอกาสที่จะติดยาเสพติดในวัยผู้ใหญ่ 2.83 เท่าของหญิงที่ไม่ถูก"[43]

ผลลบระยะยาวที่มีหลักฐานแสดงอย่างชัดเจนก็คือ การตกเป็นเหยื่อแบบซ้ำ ๆ หรือเพิ่มขึ้นในช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่[14][44]การถูกทารุณกรรมทางเพศในวัยเด็กสัมพันธ์อย่างเป็นเหตุ กับโรคจิตต่าง ๆ ในวัยผู้ใหญ่ที่เป็นผล เช่น อาชญากรรม และการฆ่าตัวตาย[18][45][46][47][48][49]รวมทั้งการติดสุราและยาเสพติด[43][44][50]ชายที่ถูกทารุณกรรมทางเพศในวัยเด็ก มักจะปรากฏในกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม มากกว่าในสถาบันบำบัดโรคจิต[35]งานศึกษาหนึ่งที่เปรียบเทียบหญิงกลางคนที่ถูกทารุณกรรมในวัยเด็กกับหญิงที่ไม่ถูกพบว่า หญิงถูกทารุณกรรมต้องมีการดูแลทางสุขภาพในระดับที่สูงกว่า[30][51]ยังพบผลต่อคนรุ่นต่อไปอีกด้วย คือ เด็กลูกของเหยื่อมักจะมีปัญหาทางพฤติกรรม ทางสังคม และทางจิตมากกว่าเด็กอื่น ๆ[52]

ยังไม่มีรูปแบบอาการโดยเฉพาะที่ชัดเจน[53]แต่มีสมมติฐานหลายอย่างเกี่ยวกับเหตุของอาการเหล่านี้ รวมทั้ง

  • ทารุณกรรมทางกายเป็นเหตุสำคัญของอาการซึมเศร้า[10]
  • รูปแบบและความรุนแรงของทารุณกรรมสัมพันธ์กับอาการทางจิตต่าง ๆ[54]
  • ยังไม่ชัดเจนว่าสถานการณ์ของครอบครัวเป็นเหตุของอาการทางจิตต่าง ๆ[55]

งานศึกษาหลายงานพบว่า 51%-79% ของเด็กเหยื่อมีอาการทางจิต[47][56][57][58][59]อาการมีโอกาสรุนแรงเพิ่มขึ้นถ้าผู้กระทำเป็นญาติ ถ้ามีการร่วมเพศหรือความพยายามที่จะร่วมเพศ หรือถ้ามีการขู่หรือใช้กำลัง[60]ระดับความรุนแรงของอาการอาจมีอิทธิพลจากองค์ต่าง ๆ เช่น ความลึกในการล่วงล้ำ ระยะเวลาและความถี่ของทารุณกรรม และการใช้กำลัง[15][28][61][62]รอยด่างทางสังคมอาจเพิ่มปัญหาทางใจต่อเด็ก[62][63]แต่ผลเสียหายมีโอกาสน้อยลงสำหรับเด็กที่ได้รับการสนับสนุนทางครอบครัวที่ดี[64][65]

โรคดิสโซสิเอทีฟ และ PTSD

การกระทำทารุณต่อเด็กรวมทั้งทางเพศ โดยเฉพาะแบบซ้ำ ๆ เริ่มตั้งแต่อายุน้อย ๆ สัมพันธ์กับอาการดิสโซสิเอทีฟในระดับสูง รวมทั้งภาวะเสียความจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ทารุณกรรม[66]ถ้าเป็นแบบรุนแรง (คือมีการล่วงล้ำ มีผู้กระทำหลายคน เป็นระยะเวลาเกิน 1 ปี) อาการดิสโซสิเอทีฟก็ยิ่งหนักขึ้น[67]

นอกจากโรคดิสโซสิเอทีฟและ PTSD แล้ว เหยื่ออาจมีความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่ง (BPD) และความผิดปกติในการรับประทาน เช่น โรคหิวไม่หาย (bulimia nervosa)[68]

ปัจจัยที่มีผลต่องานวิจัย

เพราะว่าทารุณกรรมในเด็กบ่อยครั้งเกิดขึ้นพร้อมกับปัจจัยที่อาจเป็นตัวแปรกวนอื่น ๆ เช่น สถานการณ์ในครอบครัวที่ไม่ดีและการทารุณทางกาย[69]นักวิชาการบางพวกอ้างว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องควบคุมตัวแปรกวนเหล่านั้นในงานศึกษาที่วัดผลของทารุณกรรมทางเพศ[28][54][70][71]งานทบทวนวรรณกรรมปี ค.ศ. 1998 กล่าวว่า"สมมติฐานที่เสนอในงานนี้ก็คือ ในกรณีโดยมากแล้ว ความเสียหายหลักของทารุณกรรมทางเพศต่อเด็ก มีเหตุจากสมรรถภาพการพัฒนาในด้านต่าง ๆ รวมทั้งความไว้วางใจ ความใกล้ชิด ความเป็นตัวของตัวเอง และสภาวะทางเพศ ส่วนปัญหาโรคจิตในวัยผู้ใหญ่ที่สัมพันธ์กับประวัติทารุณกรรมทางเพศ เป็นผลชั้นทุติยภูมิ"[72]แต่ก็มีงานศึกษาอื่น ๆ ที่พบความสัมพันธ์ระหว่างทารุณกรรมทางเพศกับปัญหาโรคจิตที่เป็นอิสระจากปัจจัยดังกล่าว[11][28][54]

งานปี 2000 พบว่า ในตัวอย่างที่ศึกษา ความสัมพันธ์โดยมากระหว่างทารุณกรรมทางเพศแบบรุนแรงกับโรคจิตวัยผู้ใหญ่ ไม่สามารถอธิบายได้โดยปัจจัยทางครอบครัว เพราะว่า ขนาดผลต่าง (effect size) ที่เกิดจากความสัมพันธ์ลดลงเพียงแค่เล็กน้อยหลังจากกำจัดตัวแปรกวนที่เป็นไปได้นอกจากนั้นแล้ว ตัวอย่างคู่แฝดที่ศึกษาในงาน ก็สนับสนุนความสัมพันธ์โดยเป็นเหตุผลระหว่างทารุณกรรมทางเพศกับโรคจิตวัยผู้ใหญ่ เพราะว่า แฝดที่ถูกทารุณกรรมมีความเสี่ยงต่อโรคจิตสูงกว่าแฝดของตนที่ไม่ได้ถูก[54]

งานวิเคราะห์อภิมานในปี ค.ศ. 1998 ก่อให้เกิดการโต้เถียงกันโดยเสนอว่า ทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กไม่ได้มีผลเสียหายอย่างกว้างขวางในทุกกรณีคือผู้วิจัยกล่าวว่า มีนักศึกษามหาวิทยาลัยที่รายงานประสบการณ์เช่นนั้นในเชิงบวก และขอบเขตความเสียหายทางจิตขึ้นอยู่กับว่า เด็กคิดว่าประสบการณ์นั้นเป็นการยินยอมหรือไม่[73]ต่อมางานวิจัยนี้ถูกวิจารณ์ว่ามีระเบียบวิธีและการสรุปที่ผิดพลาด[74][75]รัฐสภาแห่งสหรัฐอเมริกาประณามงานศึกษาเพราะข้อสรุป และเพราะให้ข้ออ้างกับองค์กรคนใคร่เด็กเพื่อทำกรรมประทุษร้ายเด็ก[76]

ผลทางกาย

ความบาดเจ็บ

ขึ้นอยู่กับอายุและขนาดของเด็กประกอบกับกำลังที่ใช้ ทารุณกรรมทางเพศอาจมีผลเป็นแผลฉีกขาดและเลือดออกภายในและในกรณีที่รุนแรง อาจจะมีความเสียหายต่ออวัยวะภายใน และในบางกรณี อาจจะทำให้ถึงตาย[77]

การติดเชื้อ

ทารุณกรรมทางเพศต่อเด็ก อาจจะมีผลเป็นการติดเชื้อและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์[78]โอกาสการติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นเพราะเด็กไม่มีน้ำหล่อลื่นในช่องคลอดซึ่งขึ้นอยู่กับอายุและอาการช่องคลอดอักเสบ ก็อาจจะเกิดขึ้นด้วย[78]

ความเสียหายทางประสาท

งานวิจัยแสดงว่า ความเครียดแบบบาดเจ็บ (traumatic stress) รวมทั้งความเครียดจากถูกทารุณกรรมทางเพศ มีผลเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ในการทำงานและพัฒนาการของสมอง[79][80]งานศึกษาหลายงานเสนอว่า ทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กแบบรุนแรง อาจมีผลเสียหายต่อพัฒนาการทางสมองงานวิจัยในปี ค.ศ. 1998 พบว่า "เด็กที่ถูกทารุณกรรมมีสัญญาณแบบ coherence ในสมองซีกซ้ายที่สูงกว่า และมีอสมมาตรที่กลับข้าง คือ สัญญาณ coherence ในสมองซีกซ้ายสูงกว่าในสมองซีกขวาอย่างสำคัญ"[81]งานวิจัยปี ค.ศ. 2002 พบคลื่น NMR ที่ผิดปกติ (มีช่วงเวลา transverse relaxation ที่ผิดปกติ) ในเขต cerebellar vermis ของผู้ใหญ่ผู้ถูกทารุณกรรมในวัยเด็ก[82]งานวิจัยปี ค.ศ. 1993 ของ Teicher et al พบโอกาสสูงขึ้นของ "อาการคล้ายลมชักในสมองกลีบขมับ" ของเหยื่อ และความสัมพันธ์กับขนาดคอร์ปัส คาโลซัมที่ลดลง[83]งานวิจัยอื่น ๆ พบความสัมพันธ์กับปริมาตรฮิปโปแคมปัสข้างซ้ายที่ลดลง[84]ส่วนงานในปี 1993 อีกงานหนึ่งพบความผิดปกติทางสรีรวิทยาไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น[85]

งานบางงานพบว่า การกระทำทารุณต่อเด็กทางเพศหรือทางกาย อาจจะนำไปสู่การทำงานเกินของระบบลิมบิกที่มีพัฒนาการต่ำกว่าปกติ[84]งานของ Teicher et al ในปี 1993[83] ใช้รายการเช็คระบบลิมบิกที่เรียกว่า Limbic System Checklist-33 หรือตัวย่อว่า LSCL-33 เพื่อวัดอาการคล้ายลมชักในสมองกลีบข้างของผู้ใหญ่ 253 คนการถูกทารุณกรรมทางเพศที่ผู้ร่วมการทดลองรายงานเอง สัมพันธ์กับคะแนน LSCL-33 ที่เพิ่มขึ้น 49% จากปกติ เทียบกับการถูกทารุณกรรมทางกายที่เพิ่มขึ้น 11%และเทียบกับการถูกทารุณกรรมทั้งทางกายและทางเพศ ที่เพิ่มขึ้น 113%โดยคล้ายกันทั้งหญิงและชาย[83][86]

งานวิจัยปี 2006 พบว่า คะแนน SAT วิชาเลขที่รายงานเอง ของหญิงตัวอย่างที่มีประวัติถูกทารุณกรรมทางเพศซ้ำ ๆ ในวัยเด็ก ต่ำกว่าหญิงอื่นอย่างสำคัญแต่เพราะว่า คะแนนวิชาภาษาสูง นักวิจัยจึงตั้งสมมติฐานว่า คะแนนเลขที่ต่ำอาจ "เกิดจากความบกพร่องในการทำงานร่วมกันของซีกสมองทั้งสองข้าง"งานวิจัยยังพบความสัมพันธ์ที่มีกำลังระหว่างความบกพร่องในความจำระยะสั้นในเรื่องทุกเรื่องที่ตรวจสอบ (คือ ทางภาษา ทางการเห็น และทั่วไป) กับระยะเวลาที่ถูกทารุณกรรม[87]

การสมสู่ร่วมสายโลหิตและการทำผิดทั่วไป

การสมสู่ร่วมสายโลหิตระหว่างเด็กหรือวัยรุ่น กับผู้ใหญ่ที่เป็นญาติ เป็นรูปแบบทารุณกรรมต่อเด็กทางเพศที่แพร่หลายที่สุด ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะทำให้เด็กเสียหาย[16]ในภาษาอังกฤษเรียกได้ด้วยว่า child incestuous abuse (การทารุณเด็กทางเพศโดยญาติสายโลหิต)[88]นักวิจัยท่านหนึ่งกล่าวว่า ผู้กระทำผิดทั่วไปต่อเด็ก 70% เป็นคนในครอบครัวที่ใกล้ชิด หรือเป็นคนที่สนิทกับคนในครอบครัวมาก[89]ในขณะที่นักวิจัยอีกท่านหนึ่งกล่าวว่า ผู้กระทำผิด 30% เป็นญาติของเหยื่อ 60% เป็นคนรู้จักกับคนในครอบครัว เช่น เพื่อนบ้าน พี่เลี้ยงเด็ก หรือเพื่อนของคนในบ้าน และ 10% เป็นคนแปลกหน้า[18]การทารุณเด็กทางเพศที่ผู้กระทำเป็นญาติ จะเป็นโดยสายเลือดหรือโดยการแต่งงานก็ดี เป็นรูปแบบการสมสู่ร่วมสายโลหิตที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "intrafamilial child sexual abuse" (การทารุณเด็กทางเพศโดยคนในครอบครัว)[90]

รูปแบบที่รายงานมากที่สุดก็คือ พ่อ-ลูกสาว และพ่อเลี้ยง-ลูกสาว โดยที่เหลือเป็นระหว่างแม่/แม่เลี้ยง-ลูกสาว/ลูกชาย[91]รูปแบบพ่อ-ลูกชาย มีรายงานน้อย แต่ว่า ไม่ชัดเจนว่า ความแพร่หลายมีน้อยจริง ๆ หรือว่า เพียงแต่ว่ามีรายงานน้อยเกินความจริง[92][93][94][95]แต่ว่า ก็มีนักวิจัยอื่นอีกที่อ้างว่า รูปแบบระหว่างพี่น้องอาจจะสามัญพอ ๆ กัน หรือมีมากกว่ารูปแบบอื่น ๆงานวิจัยปี 1997 อ้างว่า รูปแบบพี่น้องมีในอัตรา 57%[96]และหนังสือปี 1979 รายงานว่า การสมสู่ร่วมสายโลหิตในครอบครัวอยู่แค่พ่อแม่ลูก เป็นแบบพี่น้อง 90%[97]ส่วนหนังสือปี 2000 แสดงว่า การสมสู่ระหว่างพี่น้องมีรายงานเป็น 2 เท่าของแบบระหว่างพ่อ/พ่อเลี้ยง-ลูก[98]

ความแพร่หลายของการทารุณเด็กทางเพศโดยผู้ปกครองยากที่จะประเมินเพราะการเก็บความลับและการรักษาความเป็นส่วนตัว โดยมีคนประเมินว่า คนอเมริกัน 20 ล้านคนเป็นเหยื่อของทารุณกรรมรูปแบบนี้ในวัยเด็ก[91]

การฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก

ประกาศของงานประชุมโลกใหญ่ต้านการฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก (Declaration of the First World Congress against Commercial Sexual Exploitation of Children) ที่ประชุมในเมืองสต็อกโฮล์มปี 1996 นิยาม "การฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก" (Commercial sexual exploitation of children ตัวย่อ CSEC) ว่า "การทารุณทางเพศโดยผู้ใหญ่ที่ประกอบด้วยผลตอบแทนเป็นเงินสดหรือการตอบแทนเช่นกัน ที่ให้แก่เด็กหรือแก่บุคคลที่ 3"[99]CSEC มักจะอยู่ในรูปแบบของการค้าประเวณี หรือสื่อลามกอนาจาร และมักจะอำนวยโดยระบบการท่องเที่ยวเพื่อเพศสัมพันธ์กับเด็ก (child sex tourism)เป็นปัญหาโดยเฉพาะกับประเทศกำลังพัฒนาในเขตเอเชีย[100][101]ในปีที่ผ่าน ๆ มาไม่นานนี้ เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ช่วยอำนวยการค้าขายสื่อลามกอนาจารเด็กทางอินเทอร์เน็ต[102]

ประเภททารุณกรรมทางกฎหมาย

การทารุณเด็กทางเพศเป็นการละเมิดกฎหมายทางเพศหลายประการ รวมทั้ง

  • sexual assault (การทำร้ายทางเพศ) เป็นการละเมิดโดยผู้ใหญ่ที่ใช้เด็กเพื่อสนองความรู้สึกทางเพศ เช่น การข่มขืน (รวมทั้งการชำเราแบบวิตถาร) และการล่วงล้ำทางเพศด้วยวัตถุ[103] รัฐโดยมากในประเทศสหรัฐอเมริการวมการสัมผัสล่วงล้ำกายเด็ก (penetrative contact) เพื่อสนองอารมณ์ทางเพศทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหน[104]
  • การฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก (Commercial sexual exploitation of children) หมายถึงการละเมิดที่ผู้ใหญ่มีเด็กเป็นเหยื่อเพื่อผลประโยชน์ เพื่อสนองอารมณ์ทางเพศ หรือเพื่อผลกำไร เช่น ให้เด็กค้าประเวณี[105] และผลิตหรือค้าสื่อลามกอนาจารเด็ก[106]
  • Child grooming หรือ sexual grooming (การเตรียมเด็กเพื่อเซ็กส์, การปะเหลาะประเล้าประโลมเตรียมเด็กเพื่อทารุณกรรม) เป็นความประพฤติทางสังคมของผู้อาจจะกลายเป็นผู้ละเมิดทางเพศต่อเด็ก ผู้หาวิธีให้เด็กยอมรับข้อเสนอต่าง ๆ ของตนมากขึ้น อย่างเช่นที่เกิดในห้องแช็ตออน์ไลน์[107]

การเปิดเผยเรื่อง

เด็กที่ได้รับการสนับสนุนหลังจากเปิดเผยเหตุการณ์ทารุณกรรม จะมีอาการบาดเจ็บทางกายและใจต่าง ๆ และถูกทารุณกรรมเป็นระยะเวลาน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้รับ[108][109]โดยทั่วไปแล้ว งานวิจัยพบว่า เด็กต้องการผู้ช่วยสนับสนุนและช่วยลดความเครียดหลังจากเปิดเผยเหตุการณ์[110][111]ปฏิกิริยาลบของสังคมต่อการเปิดเผยเหตุการณ์ เป็นปัญหาต่อการอยู่เป็นสุขของเหยื่อ[112]งานวิจัยหนึ่งรายงานว่า เด็กที่ได้ปฏิกิริยาที่ไม่ดีจากบุคคลแรกที่ตนบอก โดยเฉพาะถ้าเป็นสมาชิกครอบครัวที่ใกล้ชิด มีภาวะการบาดเจ็บทั่วไป อาการ PTSD และอาการดิสโซสิเอทีฟ ที่แย่กว่าเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่[113]งานอีกงานหนึ่งพบว่า ในกรณีโดยมากที่เด็กเปิดเผยทารุณกรรม คนที่เด็กคุยด้วยจะไม่ตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ จะโทษหรือปฏิเสธไม่เชื่อเด็ก หรือไม่ทำอะไรหรือทำน้อยเกินไปที่จะยุติเหตุการณ์ทารุณกรรม[111]การปฏิเสธไม่เชื่อเด็กหรือการตอบสนองที่ไม่สนับสนุนต่อการเปิดเผยเหตุการณ์ของเด็ก โดยผู้ที่เด็กมีความผูกพันมากที่สุด อาจแสดงปัญหาความสัมพันธ์ที่มีก่อนหน้าเหตุการณ์ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อทารุณกรรม และสามารถดำรงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อผลเสียหายทางจิตที่เกิดตามมาในภายหลัง[114]

บัณฑิตยสถานจิตแพทย์ของเด็กและวัยรุ่น (American Academy of Child and Adolescent Psychiatry) ให้แนวทางสิ่งที่ควรพูดกับเหยื่อ และสิ่งที่ควรทำหลังเด็กเปิดเผยเหตุการณ์[115]โดยมีนักวิชาการท่านหนึ่งรายงานสิ่งที่ไม่ควรทำว่า"มีการลดความสำคัญของอาการเจ็บปวดและผลที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ โดยผู้ให้ความดูแลฐานผู้ปกครอง เพื่อป้องกันและปลอบเด็ก คือ มีการสมมุติอย่างสามัญว่า การใส่ใจปัญหาของเด็กนานเกินไปจะมีผลลบต่อการฟื้นคืนสภาพของเด็ก ดังนั้น ผู้ให้ความดูแลจึงสอนให้เด็กปิดบังปัญหาของตน" ซึ่งความจริงเป็นการเพิ่มปัญหาในเรื่องนี้[116]

ตุ๊กตาที่มีอวัยวะสมบูรณ์บางครั้งใช้เพื่อช่วยการเปิดเผยเหตุการณ์

ในบางประเทศ กฎหมายบังคับให้แจ้งกรณีทารุณกรรมที่สงสัย แต่ไม่ได้หมายถึงต้องพิสูจน์แล้ว ไปยังองค์การป้องกันเด็ก เช่น Child Protection Services ในรัฐต่าง ๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกาข้อแนะนำแก่ผู้ทำการรักษาพยาบาล เช่น ผู้ทำปฐมพยาบาลหรือพยาบาล ผู้ที่มักจะประสบกับกรณีที่น่าสงสัย ก็คือ ให้ช่วยเด็กให้รู้สึกว่า เด็กอยู่ในสถานที่และเหตุการณ์ที่ปลอดภัยเสียก่อนสถานที่ห่างจากผู้ต้องสงสัยเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการสัมภาษณ์และการตรวจควรหลีกเลี่ยงคำหรือคำถามชี้ทางที่อาจจะบิดเบือนความจริงและเพราะว่าการเปิดเผยเหตุการณ์อาจเป็นเรื่องเครียดหรือเรื่องน่าอาย ดังนั้น การให้กำลังใจเด็กว่า กำลังทำสิ่งที่ถูกต้องโดยบอกเรื่อง ว่าไม่ใช่เป็นเด็กไม่ดี และว่าเหตุการณ์ไม่ใช่ความผิดของตน จะช่วยให้สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ดีขึ้นบางครั้งมีการใช้ตุ๊กตาที่มีอวัยวะสมบูรณ์เพื่อช่วยอธิบายว่าอะไรเกิดขึ้นและในการคุยกับผู้ต้องสงสัย มีการแนะนำว่าให้มีกิริยาท่าทางที่ไม่ด่วนตัดสิน ไม่เป็นภัย ไม่แสดงอาการช็อค เพื่อช่วยให้ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น[117]

การบำบัดรักษา

วิธีการรักษาเบื้องต้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหลายอย่าง รวมทั้ง

  • วัยเมื่อมาหา
  • สถานการณ์เมื่อมาหา
  • สภาวะ co-morbid (อาการหรือโรคที่มีอย่างอื่น ๆ โดยปกติต่างหากจากอาการหรือโรคหลัก)

เป้าหมายการรักษาไม่ใช่เพียงแค่บำบัดปัญหาและการบาดเจ็บทางจิตในปัจจุบันเท่านั้น แต่เพื่อที่จะป้องกันปัญหาที่อาจจะมีต่อไปในอนาคต

เด็กและวัยรุ่น

ในประเทศตะวันตก เด็กมักจะมาหาเพื่อการบำบัดรักษาภายใต้เหตุการณ์หลายอย่าง รวมทั้ง การสืบสวนคดีอาญา การสู้คดีการปกครองดูแลบุตร ปัญหาพฤติกรรม และการส่งต่อจากองค์กรดูแลรักษาเด็ก[118]

มีวิธีการรักษาเด็กและวัยรุ่น 3 แบบคือ การบำบัดพร้อมครอบครัว (family therapy) การบำบัดพร้อมกลุ่ม (group therapy) และการบำบัดส่วนตัว (individual therapy)จะใช้แบบไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่ต้องประเมินเป็นกรณี ๆยกตัวอย่างเช่น การรักษาเด็กเล็ก ๆ ทั่วไปจำเป็นต้องมีการร่วมมืออย่างเข้มแข็งจากผู้ปกครอง และดังนั้นก็จะได้ประโยชน์จากการบำบัดพร้อมครอบครัวแต่เด็กวัยรุ่นมักจะเป็นตัวของตัวเองมากกว่า ดังนั้นจะได้ประโยชน์จากการบำบัดพร้อมกลุ่มหรือโดยส่วนตัวรูปแบบจะเปลี่ยนไปในระยะการรักษาด้วย เช่น การบำบัดพร้อมกลุ่มมักจะไม่ใช้ในตอนแรก เพราะว่า เรื่องที่พูดเป็นเรื่องส่วนตัว และ/หรือ เป็นเรื่องให้อาย[118]

ปัจจัยหลักที่มีผลต่อโรคและการตอบสนองต่อการรักษารวมทั้งรูปแบบและความรุนแรงของการกระทำผิดทางเพศ ความถี่ของเหตุการณ์ วัยที่เหตุการณ์เกิดขึ้น และพื้นเพของครอบครัวเด็กในปี 1983 แพทย์ท่านหนึ่งกำหนดระยะต่าง ๆ ที่เด็กจะตอบสนองต่อทารุณกรรมทางเพศ เรียกว่า Child Sexual Abuse Accommodation Syndrome (อาการอำนวยทารุณกรรมทางเพศของเด็ก ตัวย่อ CSAAS)ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เด็กพยายามแก้ปัญหาจนแสดงเป็นอาการต่าง ๆ รวมทั้ง การเก็บความลับ (secrecy) ความรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้ (helplessness) ความรู้สึกว่าติดกับดัก (entrapment) การอำนวยความต้องการ (accommodation) การเปิดเผยที่ช้าและไม่ลงรอย (disclosure) และการถอนคำพูด (recantation)[119]แต่นี่เป็นระยะขั้นตอนที่นักวิชาการบางพวกไม่เห็นด้วย โดยมีท่านหนึ่งกล่าวในหนังสือปี 2004 ว่า เป็นขั้นตอนที่สามารถใช้เป็นเหตุผลสำหรับทุกอย่างที่เด็กพูดเพื่ออ้างว่ามีเหตุการณ์ทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กจริง ๆ เพราะการเปิดเผยทันทีก็ใช้เป็นตัวบ่งว่ามีเหตุการณ์ หรือแม้การเปิดเผยแบบชักช้า หรือแม้แต่การยืนยันปฏิเสธ[120]แต่ก็มีนักวิชาการท่านอื่นอีกที่เขียนไว้ในวารสารวิชาการทางกฎหมายในปี 2009 ว่า มีหลักฐานเชิงประสบการณ์ที่สนับสนุนทั้งความสมเหตุสมผลทางวิทยาศาสตร์ของ CSAAS และความโน้มเอียงที่เด็กผู้ถูกทารุณกรรมทางเพศจะถอนคำพูดว่าเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นจริง ๆ[121]

วัยผู้ใหญ่

ผู้ใหญ่ที่มีประวัติถูกทารุณกรรมทางเพศมักจะมาหาหมอเพื่อรักษาปัญหาสุขภาพจิตขั้นทุติยภูมิ ซึ่งอาจรวมทั้งการใช้สิ่งมึนเมาหรือยาเสพติด ความผิดปกติในการรับประทาน ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ (personality disorders) โรคซึมเศร้า และปัญหาความสัมพันธ์กับคู่ครองหรือกับคนอื่น ๆ[122]แต่โดยทั่วไปแล้ว วิธีรักษาจะพุ่งความสนใจไปที่ปัญหาปัจจุบัน ไม่ใช่ทารุณกรรมในอดีตและจะมีความต่าง ๆ กันขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะแต่ละคนยกตัวอย่างเช่น คนที่มีประวัติถูกทารุณกรรมทางเพศผู้มีภาวะซึมเศร้ารุนแรง ก็จะได้รับการรักษาเพื่อแก้ภาวะนั้นแต่จะมีการเน้นการแก้ความคิดที่สร้างปัญหา (cognitive restructuring) ที่เกิดจากความฝังลึกของปัญหาความบาดเจ็บในอดีตเทคนิคใหม่ ๆ เช่น Eye Movement Desensitization and Reprocessing ก็สามารถช่วยได้[123]

การถูกทารุณกรรมทางเพศ สัมพันธ์กับปัญหาพฤติกรรมที่ยังไม่นับว่าเป็นอาการ (sub-clinical) เช่น ความโน้มเอียงที่จะตกเป็นเหยื่ออีกในวัยรุ่น ความต้องการทางเพศที่กลับไปกลับมาระหว่างมากกับไม่มี และความคิดบิดเบือนกี่ยวกับทารุณกรรมทางเพศ (เช่น เป็นเรื่องสามัญและเกิดกับทุกคน)เมื่อมาหาหมอครั้งแรก คนไข้อาจจะตระหนักถึงเหตุการณ์ทารุณกรรม แต่ประเมินเหตุการณ์อย่างบิดเบือน เช่นเชื่อว่า เป็นเรื่องไม่แปลกอะไรบ่อยครั้ง เหยื่อจะไม่เชื่อมการถูกทารุณกรรมกับโรคที่เป็นอยู่ปัจจุบัน

ผู้กระทำความผิด

สถิติทางประชากร

ผู้กระทำผิดมีโอกาสที่จะเป็นญาติหรือคนรู้จักกับเหยื่อ สูงกว่าจะเป็นคนแปลกหน้า[124]งานศึกษาระหว่างปี 2006-2007 ในรัฐไอดาโฮ เกี่ยวกับกรณี 430 กรณีพบว่า เด็กผู้กระทำผิดรู้จักกับเหยื่อ (เป็นคนรู้จัก 46% เป็นญาติ 36%)[125][126]

ผู้กระทำผิดเป็นชายมากกว่าเป็นหญิง แม้ว่าอัตราส่วนจะต่าง ๆ กันในงานศึกษาต่าง ๆเปอร์เซนต์ของผู้กระทำผิดหญิงจากผู้กระทำผิดทั้งหมดที่มาถึงกระบวนการยุติธรรมอยู่ที่ระหว่าง 1.2-8%[127]ส่วนงานศึกษาเกี่ยวกับการกระทำผิดทางเพศของผู้ให้การศึกษาในโรงเรียนสหรัฐ แสดงผลต่าง ๆ กันที่อัตรา 4%-43% ว่าเป็นหญิงกระทำความผิด โดยที่เหลือเป็นชาย[128]ส่วนงานวิจัยปี 1993 พบว่า ในตัวอย่าง 4,402 ของผู้ถูกศาลตัดสินเป็นผู้กระทำผิดทางเพศต่อเด็ก 0.4% เป็นหญิง[129]ส่วนอีกงานศึกษาหนึ่งที่ไม่ได้จำกัดแต่คนที่มาหาหมอ (nonclinical) พบว่า ในตัวอย่างบุคคลที่ถูกทารุณกรรม ประมาณ 1/3 เกิดจากผู้กระทำผิดหญิง[130]

ในโรงเรียนสหรัฐ ผู้ให้การศึกษาที่กระทำผิดมีอายุตั้งแต่ "21-75 ปี โดยเฉลี่ยที่ 28 ปี"[131]

รูปแบบผู้กระทำผิด

งานวิจัยต้นคริสต์ทศวรรษ 1970 และ 1980 เริ่มจัดประเภทผู้ทำผิดโดยแรงจูงใจและลักษณะงานปี 1978 จัดผู้ทำผิดออกเป็นสองพวก คือ "fixated" (คงสภาพ) และ "regressed" (กลับไปกลับมา)[132]fixated คือผู้ทำผิดชอบใจแต่เด็กโดยหลัก เปรียบเทียบกับ regressed ที่ปกติมีความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ และบางครั้งแต่งงานด้วยซ้ำงานนี้แสดงด้วยว่า รสนิยมทางเพศของผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวกับเพศของเหยื่อที่เป็นเป้าหมาย คือ ชายที่ทารุณกรรมเด็กชายบ่อยครั้งมีความสัมพันธ์กับหญิงผู้ใหญ่[132]

งานปี 2002 ต่อมา ขยายประเภทที่มีตามลักษณะทางจิต โดยแบ่งดังต่อไปนี้[133]

  • Situational (แล้วแต่สถานการณ์) - ไม่ได้มุ่งเด็ก แต่จะทำผิดภายใต้สถานการณ์บางอย่าง
    • Regressed (กลับไปกลับมา) - ปกติจะมีความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ แต่อะไรบางอย่างทำให้เสาะหาใช้เด็กเป็นตัวทดแทน
    • Morally Indiscriminate (ไม่แบ่งแยกอะไรดีอะไรชั่ว) - เป็นคนวิปริตทางเพศ อาจจะทำผิดทางเพศอื่น ๆ โดยไม่เกี่ยวกับเด็ก
    • Naive/Inadequate (ไร้เดียงสา/ไม่สามารถ) - มักจะพิการทางสมอง (ทางใจ) อะไรบางอย่าง จึงเห็นเด็กเป็นภัยหรือน่าเกรงกลัวน้อยกว่า
  • Preferential (ชอบ) - ชอบเด็กทางเพศจริง ๆ
    • Mysoped (น่าขยะแขยง) - เป็นพวกซาดิสและชอบรุนแรง มักทำผิดต่อคนแปลกหน้าบ่อยครั้งกว่าคนที่รู้จัก
    • Fixated (คงสภาพ) - ไม่มีความสัมพันธ์กับคนอายุเดียวกัน บางครั้งเรียกว่า "เด็กแก่"

ปัจจัยที่เป็นเหตุ

ไม่มีองค์ประกอบที่เป็นเหตุที่สรุปชัดเจนแล้ว[134]ประสบการณ์ถูกทารุณกรรมเมื่อเป็นเด็กก่อนหน้านี้สันนิษฐานว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงใหญ่ แต่งานวิจัยต่อมาไม่สามารถแสดงความสัมพันธ์โดยเหตุผล เพราะว่า เด็กที่ถูกทารุณกรรมโดยมากไม่ได้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่กระทำความผิด และผู้ใหญ่ผู้กระทำความผิดโดยมากก็ไม่ได้แจ้งว่าถูกทารุณกรรมตอนเป็นเด็กดังนั้น สำนักงานตรวจสอบรัฐบาลของสหรัฐ (Government Accountability Office) สรุปว่า "วัฏจักรของทารุณกรรมทางเพศยังไม่มีหลักฐาน"ก่อนปี 1996 มีความเชื่อในทฤษฎีว่า มีวัฏจักรของทารุณกรรม เพราะว่า งานวิจัยโดยมากในตอนนั้นเป็นแบบสำรวจย้อนหลัง คือ เป็นการถามผู้กระทำผิดว่า ได้ประสบเหตุการณ์ทารุณกรรมในอดีตหรือไม่ถึงกระนั้น งานวิจัยแบบนั้นโดยมากก็ยังพบว่า ผู้ใหญ่ผู้ทำผิดตอบว่า "ไม่" ถึงแม้งานวิจัยจะแสดงความต่าง ๆ กันว่ามีผู้ทำผิดที่ถูกทารุณกรรมเท่าไร คือตั้งแต่ 0-79%ต่อมางานแบบตามแผน (prospective longitudinal strudy)ที่ศึกษาเด็กที่มีประวัติบันทึกว่าถูกทารุณกรรมสัมพันธ์กับอัตราที่โตเป็นผู้ใหญ่กระทำความผิด แสดงว่า ทฤษฎีวัฏจักรทารุณกรรม ไม่ใช่เป็นคำตอบที่ถูกต้องว่า ทำไมจึงมีการประทุษร้ายเด็ก[135]

ผู้ทำผิดอาจใช้ความคิดแบบบิดเบือนซึ่งอำนวยให้ทำผิดได้ เช่น ลดความสำคัญของทารุณกรรม (เช่นบอกว่า เป็นเรื่องเล็ก) โทษเหยื่อ หรือแก้ตัว[136]

โรคใคร่เด็ก

ความใคร่เด็ก (อังกฤษ: Pedophilia, paedophilia)เป็นความผิดปกติทางจิตที่ผู้ใหญ่หรือเด็กปลายวัยรุ่น มีความรู้สึกทางเพศเป็นหลักและจำกัดเฉพาะ ต่อเด็กรุ่นก่อนหนุ่มสาว (ก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์) โดยทั่วไปอายุ 11 ขวบหรือน้อยกว่า ไม่ว่าจะทำการเนื่องกับความชอบใจนั้นหรือไม่[137][138]ส่วนในการวินิจฉัยทางการแพทย์ เกณฑ์เฉพาะของ "โรคใคร่เด็ก" ขยายอายุเด็กก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์ไปถึง 13 ปี[137]ผู้ที่รับวินิจฉัยว่ามีโรคนี้ ต้องมีอายุอย่างน้อย 16 ปีและเด็กวัยรุ่นที่รับวินิจฉัยว่ามีโรค ต้องมีอายุ 5 ปีอย่างน้อยมากกว่าเด็กก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์[137][138]ผู้ที่มีภาวะเช่นนี้เรียกในภาษาอังกฤษว่า "pedophile" (คนใคร่เด็ก)

ในการบังคับใช้กฎหมายในสหรัฐอเมริกา คำว่า คนใคร่เด็ก (pedophile) บางครั้งใช้กับจำเลยหรือผู้กระทำผิดในเรื่องการละเมิดทางเพศต่อ "เด็ก" โดยใช้คำนิยามว่า "เด็ก" ตามนิยมของสังคม ซึ่งรวมทั้งเด็กก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์และวัยรุ่นอายุอ่อนกว่าอายุที่ยอมให้ร่วมประเวณีได้ (บ่อยครั้ง 18 ปี)[21]แต่ว่า ผู้ละเมิดทางเพศต่อ "เด็ก" ทั้งหมดไม่ใช่คนใคร่เด็ก และคนใคร่เด็กทุกคน ก็ไม่ใช่ว่าต้องทารุณเด็กทางเพศ[22][24][25]เพราะเหตุเหล่านี้ นักวิชาการจึงแนะนำไม่ให้เรียกผู้ละเมิดทางเพศต่อเด็กทั้งหมดว่าเป็น "pedophile" อันเป็นคำที่ไม่ตรง[139][140]

ส่วนคำภาษาอังกฤษว่า pedocriminality (การผิดกฎหมายเกี่ยวกับเด็ก, เยอรมัน: Pädokriminalität, ฝรั่งเศส: pédocriminalité) เป็นคำที่เริ่มใช้ในคริสต์ทศวรรษ 1980 แล้วใช้โดยองค์การต่าง ๆ เช่น กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ องค์การอนามัยโลก[141]และ Council of Europe[142]เป็นคำหมายถึง ทารุณกรรมทางเพศต่อเด็ก (child sexual abuse) ความรุนแรงทางเพศอื่น ๆ (sexual violence) ต่อเด็ก[143][144]การค้าประเวณีเด็ก การค้าเด็ก และการใช้สื่อลามกอนาจารเด็ก[145]ส่วนคำว่า "cyber-pedocriminality" หมายถึงการกระทำของผู้ดูสื่อลามกอนาจารเด็กออนไลน์[146]

การทำผิดซ้ำ

อัตราการทำผิดซ้ำของผู้ทำผิดทางเพศ ต่ำกว่าประชากรผู้กระทำผิดทั่วไป[147]โดยมีค่าประเมินอัตราต่าง ๆ กันงานวิจัยหนึ่งพบว่า ผู้ทำผิด 42% ทำผิดซ้ำหลังจากปล่อยตัวแล้วเป็นอาชญากรรมทางเพศ อาชญากรรมรุนแรง หรือทั้งสองอย่างความเสี่ยงการทำผิดอีกสูงสุดในช่วง 6 ปีแรกหลังจากปล่อยตัว แต่ก็ดำรงเป็นอัตราสำคัญแม้ 10-31 ปีให้หลัง โดยมี 23% ทำผิดอีกในช่วงเวลานั้น[148]งานวิจัยในรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 1965 พบการทำผิดอีกที่อัตรา 18.2% สำหรับเหยื่อเพศตรงกันข้าม และ 34.5% สำหรับเหยื่อเพศเดียวกันหลังจากการปล่อยตัว 5 ปี[149]

เด็กและเด็กต้นวัยรุ่นผู้ทำผิด

เมื่อเด็กก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์ถูกทารุณกรรมโดยเด็กอื่นหรือเด็กวัยรุ่น โดยไม่มีผู้ใหญ่มีส่วนเกี่ยว ก็จะเรียกว่า การทารุณเด็กทางเพศโดยเด็ก (child-on-child sexual abuse)นิยามรวมทั้งกิจกรรมทางเพศระหว่างเด็กที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ยินยอม หรือไม่เท่าเทียมกัน หรือโดยการบีบบังคับ[150]ไม่ว่าจะใช้กำลังกาย คำข่มขู่ การหลอก หรือการปั่นอารมณ์ เพื่อที่จะให้ร่วมมือและเมื่อเกิดระหว่างพี่น้อง ภาษาอังกฤษจะเรียกว่า intersibling abuse เป็นรูปแบบหนึ่งของการสมสู่ร่วมสายโลหิต[151]

โดยที่ไม่เหมือนกับผู้ทำผิดวัยผู้ใหญ่ มีหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างชัดว่า การทำผิดของวัยรุ่นต่อเด็ก มีเหตุมาจากการที่ตัวเองถูกทารุณกรรมโดยผู้ใหญ่หรือเด็กอื่น[152][153][154][155]

ครูและบุคลากรโรงเรียน

ตามรายงานปี 2010 ของกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) เด็กนักเรียนหญิงชาวคองโก 46% ยืนยันว่า ตนเป็นเหยื่อของการก่อกวนทางเพศ ทารุณกรรมทางเพศ และความรุนแรงทางเพศอื่น ๆ ที่ทำโดยครูหรือบุคลากรอื่น ๆ ในโรงเรียน[156]ในประเทศโมซัมบิก งานศึกษาของกระทรวงการศึกษาพบว่า ผู้ที่ตอบงานสำรวจเพศหญิง 70% รู้จักครูที่บังคับให้ร่วมเพศก่อนที่จะเลื่อนชั้นให้แก่นักเรียน[156]งานสำรวจหนึ่งในจังหวัดคิวูเหนือของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกพบว่า เด็กหญิง 16% กล่าวว่าตนถูกบังคับให้ร่วมเพศกับครู[156]ตามรายงานของ UNICEF ครูในประเทศมาลีใช้การข่มขู่ด้วยปากกาแดง คือให้คะแนนแย่ ๆ ถ้าเด็กหญิงไม่ยอมตอบรับทางเพศ[156]ตามองค์การ "Plan International" เด็ก 16% ในประเทศโตโกสามารถบอกชื่อของครูที่เป็นพ่อของเด็กในครรภ์ของเพื่อนร่วมห้อง[156]

ความแพร่หลาย

โลก

งานวิเคราะห์อภิมานปี 2011 ที่วิเคราะห์งานวิจัย 217 งานที่ผู้ร่วมการทดลองแจ้งข้อมูลเอง ประเมินความแพร่หลายของการถูกทารุณกรรมทางเพศในวัยเด็กทั่วโลกที่ 12.7-18% สำหรับเด็กหญิง และ 7.6% สำหรับเด็กชายโดยรายละเอียดของอัตราสำหรับแต่ละทวีปดังต่อไปนี้[157]

เขตเด็กหญิงเด็กชาย
แอฟริกา20.2%19.3%
เอเชีย11.3%4.1%
ออสเตรเลีย21.5%7.5%
ยุโรป13.5%5.6%
อเมริกาใต้13.4%13.8%
สหรัฐ/แคนาดา20.1%8%

งานวิเคราะห์อภิมานปี 2009 ที่วิเคราะห์งาน 65 งานในประเทศ 22 ประเทศ พบความแพร่หลายระดับโลกที่ 19.7% สำหรับหญิง และ 7.9% สำหรับชายพบว่า แอฟริกามีอัตราสูงสุดที่ 34.4% โดยหลักเพราะอัตราที่สูงในประเทศแอฟริกาใต้ยุโรปมีอัตราต่ำสุดที่ 9.2%อเมริกาและเอเชียมีอัตราระหว่าง 10.1-23.9%[17]

ในปี พ.ศ. 2565 การทารุณเด็กทางเพศพบได้มากในประเทศฟิลิปปินส์[158]ประเทศแอลจีเรีย ประเทศอินเดีย และประเทศปากีสถาน

แอฟริกา

งานศึกษาในโรงเรียนของประเทศ 10 ประเทศปี 2007 ในทวีปแอฟริกาใต้พบว่า นักเรียนหญิง 19.6% และนักเรียนชาย 21.1% วัยระหว่าง 11-16 ปี รายงานว่า ตนได้ถูกบีบบังคับหรือถูกใช้กำลังให้มีเพศสัมพันธ์อัตราของวัยรุ่นอายุ 16 ปีอยู่ที่ 28.8% สำหรับหญิง และ 25.4% สำหรับชายเมื่อเปรียบเทียบโรงเรียนเดียวกันในประเทศ 8 ประเทศระหว่างปี 2003-2007 ไม่มีการลดอัตราโดยนัยสำคัญของหญิงผู้ตกเป็นเหยื่อในทุกประเทศ และมีความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ กันในอัตราของชาย[159]

ความแพร่หลายของทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กในแอฟริกา ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องไม่จริงว่า เพศสัมพันธ์กับพรหมจารีจะรักษาให้หายขาดจากเอชไอวีหรือโรคเอดส์ซึ่งเป็นเรื่องที่แพร่หลายในประเทศแอฟริกาใต้ ซิมบับเว[160]แซมเบีย และไนจีเรีย และเป็นเหตุที่ทำให้อัตราทารุณกรรมต่อเด็กเล็ก ๆ สูงในเขตเหล่านั้น[161]

การข่มขืนเด็กเพิ่มขึ้นในสงครามทางเขตตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก[162]ผู้ทำงานช่วยเหลือประชาชนโทษผู้ร่วมสงครามทุกฝ่าย ผู้ทำการได้ตามอำเภอใจ ว่าทำผิดจนกลายเป็น "วัฒนธรรม" ความรุนแรงทางเพศ[163]

ประเทศแอฟริกาใต้มีจำนวนการข่มขืนเด็ก (รวมทั้งทารก) ที่สูงที่สุดในโลก[164]งานสำรวจปี 2002 พบว่า เด็กชาย 11% และเด็กหญิง 4% ยอมรับว่า ได้บังคับคนอื่นให้มีเพศสัมพันธ์กับตน[164]ในงานสำรวจทำในเด็ก 1,500 คน เด็กชาย 1 ใน 4 ที่สัมภาษณ์กล่าวว่า การข่มขืนเรียงคิวเป็นเรื่องสนุก[165]มีกรณีข่มขืนและทารุณกรรมเด็กกว่า 67,000 รายงานในปี 2000 ในประเทศแอฟริกาใต้ เทียบกับ 37,500 กรณีในปี 1998กลุ่มสงเคราะห์เด็กต่าง ๆ เชื่อว่า กรณีที่ไม่ได้รายงานอาจเป็นจำนวน 10 เท่าของตัวเลขเหล่านั้นการประทุษร้ายเด็กเพิ่มขึ้นมากที่สุดในเด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบเรื่องไม่จริงเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์กับพรหมจารี เป็นเรื่องที่สามัญอย่างยิ่งในประเทศ ซึ่งมีจำนวนประชากรติดเอชไอวีมากที่สุดในโลกนักสังคมสงเคราะห์ท่านหนึ่งให้ข้อสังเกตว่า "ผู้ประทุษร้ายเด็กบ่อยครั้งเป็นญาติของผู้เสียหาย แม้แต่พ่อหรือผู้ดูแลของเด็กเอง"[166]

มีกรณีข่มขืนทารกที่อื้อฉาวหลายกรณีตั้งแต่ปี 2001 เพราะว่า ต้องมีการผ่าตัดใหญ่เพื่อฟื้นคืนสภาพของระบบปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ และระบบในช่องท้องในปี 2001 ทารกวัย 9 เดือนถูกข่มขืนและน่าจะสลบไปเพราะเจ็บปวดเกินทน[167]ในเดือนกุมภาพันธ์ 2002 มีการแจ้งว่า ทารกวัย 8 เดือนถูกข่มขืนโดยชาย 4 คนคนหนึ่งถูกจับแต่ทารกต้องผ่านการผ่าตัดใหญ่เพื่อฟื้นคืนสภาพและความบาดเจ็บกว้างขวางจนกระทั่งรัฐเริ่มใส่ใจในการจับคนผิดเพิ่มขึ้น[168]

เอเชีย

ในประเทศบังกลาเทศ เด็กโสเภณีใช้ยา Dexamethasone ซึ่งเป็นสเตอรอยด์ที่ขายได้โดยหมอไม่ต้องสั่งจ่าย และปกติใช้โดยเกษตรกรเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของปศุสัตว์ เพื่อให้เด็กตัวโตและดูแก่กว่าอายุองค์กรการกุศลกล่าวว่า ในซ่องที่ถูกกฎหมาย หญิงโสเภณีจะใช้ยานี้ถึง 90%ซึ่งอาจมีผลให้เกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และให้ติดยา[169][170][171]

เด็กทั้งหมดในโลก 19% อยู่ในประเทศอินเดีย[172][173]เป็นอัตราประชากร 42% ของอินเดีย[174]ในปี ค.ศ. 2007 กระทรวงพัฒนาหญิงและเด็กตีพิมพ์บทความ "Study on Child Abuse: India 2007 (งานศึกษาเรื่องทารุณกรรมต่อเด็กในอินเดียปี 2007)"ซึ่งสุ่มตัวอย่างเด็ก 12,447 คน เยาวชน 2,324 คน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ 2,449 คนในรัฐ 13 รัฐแล้วตรวจสอบรูปแบบต่าง ๆ ของทารุณกรรมต่อเด็กรวมทั้ง ทารุณกรรมทางกาย ทารุณกรรมทางเพศ ทารุณกรรมทางจิต และการละเลยไม่ใส่ใจเด็กหญิง ในกลุ่ม 5 กลุ่มคือ เด็กในครอบครัว เด็กในโรงเรียน เด็กในที่ทำงาน เด็กตามถนน และเด็กในสถาบันต่าง ๆสาระหลักที่พบรวมทั้ง[172]เด็ก 53.22% รายงานทารุณกรรมทางเพศและในบรรดาเด็กเหล่านั้น 52.94% เป็นชาย และ 47.06% เป็นหญิงรัฐอานธรประเทศ อัสสัม พิหาร และเมืองเดลี รายงานเปอร์เซนต์ทารุณกรรมทางเพศสูงสุดในทั้งเด็กชายเด็กหญิง และมีการทำร้ายทางเพศ (sexual assault) ในระดับสูงสุด21.90% ของเด็กที่ตอบงานสำรวจประสบกับทารุณกรรมแบบรุนแรง 5.69% ถูกทำร้ายทางเพศ (sexual assault) และ 50.76% รายงานทารุณกรรมทางเพศแบบอื่น ๆเด็กตามถนน ในที่ทำงาน และที่ดูแลโดยสถาบัน รายงานการถูกทำร้ายทางเพศ (sexual assault) ในระดับสูงสุดงานวิจัยแสดงว่า คนทำร้าย 50% เป็นคนรู้จัก หรืออยู่ในสถานะที่ควรจะเชื่อใจได้หรือที่รับผิดชอบเด็ก และเด็กส่วนมากไม่ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับใครอื่นเกี่ยวกับกฎหมายทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กโดยเฉพาะที่ปฏิบัติต่อเด็กแยกจากผู้ใหญ่ในกรณีกระทำผิดทางเพศ แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายเช่นนี้เป็นเวลานาน แต่ต่อมารัฐสภาอินเดียก็ได้ผ่าน "กฎหมายการป้องกันเด็กจากการกระทำผิดทางเพศ" ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2012 ซึ่งมีผลต่อมาวันที่ 14 พฤศจิกายน 2012[175]

ในงานสำรวจหนึ่ง เด็กวัยรุ่นไต้หวัน 2.5% รายงานว่า ได้ประสบทารุณกรรมทางเพศในวัยเด็ก[176]และเอกอัครราชทูตแห่งสหราชอาณาจักรได้กล่าวในปี 2007 ว่า รัฐบาลประเทศอุซเบกิสถานได้ใช้ข้อหาข่มขืนเด็กเพื่อให้นักโทษสารภาพโทษที่ไม่เป็นจริง[177]

เขตมหาสมุทรแปซิฟิก

ตาม UNICEF เกือบครึ่งหนึ่งของเหยื่อที่รายงานการข่มขืนในประเทศปาปัวนิวกินีอายุต่ำกว่า 15 ปี และ 13% อายุน้อยกว่า 7 ขวบ[178]ในขณะที่องค์กร ChildFund (ทุนเด็ก) แห่งประเทศออสเตรเลียอ้าง ส.ส.ท่านหนึ่งกล่าวว่า ผู้ที่หาความช่วยเหลือทางการแพทย์หลังจากถูกข่มขืนในปาปัวนิวกินี ครึ่งหนึ่งอายุต่ำกว่า 16 ปี 25% อายุน้อยกว่า 10 ขวบ และ 10% น้อยกว่า 8 ขวบ[179]

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีงานศึกษาในเขตเอเชียและมหาสมุทรแปซิฟิกที่พบว่า ชายที่มีประวัติเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะการถูกข่มขืนหรือถูกบังคับทางเพศ มีโอกาสสูงกว่าที่จะร่วมการข่มขืนผู้ที่ไม่ใช่คู่ครอง ทั้งแบบเดี่ยวและแบบเรียงคิว[180]และ ชาย 57.5% (587 จาก 1,022 คน) ที่ข่มขืนผู้ไม่ใช่คู่ครอง ทำผิดครั้งแรกเมื่อเป็นวัยรุ่น[180]

สหรัฐและยุโรป

ทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กเกิดขึ้นบ่อย ๆ ในสังคมชาวตะวันตก[181]แต่อัตราความแพร่หลายยากที่จะกำหนดให้ชัด[182][183][184]งานวิจัยในอเมริกาเหนือสรุปว่า ประมาณ 15-25% ของหญิง และ 5-15% ของชาย ถูกทารุณกรรมทางเพศในวัยเด็ก[18][19][185]ในสหราชอาณาจักร งานศึกษาปี 2010 ประเมินความแพร่หลายที่ 5% สำหรับเด็กชาย และ 18% สำหรับเด็กหญิง[186](ซึ่งไม่ต่างจากงานปี 1985 ที่ประเมินที่ 8% สำหรับเด็กชาย และ 12% สำหรับเด็กหญิง[187])มีรายงานตำรวจกว่า 23,000 กรณีในสหราชอาณาจักรระหว่างปี 2009-2010เด็กหญิงมีโอกาส 6 เท่าของเด็กชายที่จะถูกทำร้าย คือ 86% เป็นหญิงและที่เหลือเป็นชาย[188][189]องค์กรพิทักษ์เด็กองค์กรหนึ่งประเมินว่า เหยื่อ 2 ใน 3 เป็นหญิง และที่เหลือเป็นชาย และเป็นห่วงว่า เหยื่อเด็กชายอาจจะถูกละเลยไม่มีการดูแลป้องกันอย่างทั่วถึง[190]

ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกามีค่าประเมินต่าง ๆ กันงานทบทวนวรรณกรรม 23 งานพบอัตราระหว่าง 3-37% สำหรับชาย และ 8-71% สำหรับหญิง และดังนั้นค่าเฉลี่ยก็คือ 17% สำหรับเด็กชาย และ 28% สำหรับเด็กหญิง[191]ในขณะที่งานวิเคราะห์สถิติโดยใช้ข้อมูลจากงานศึกษาตามขวาง (cross-sectional study) ประเมินค่าที่ 7.2% สำหรับชาย และ 14.5% สำหรับหญิง[185]กระทรวงบริการสุขภาพและชีวิตมนุษย์ (US Department of Health and Human Services) รายงานกรณีทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กที่มีมูล 83,600 กรณีในปี 2005[192][193]และการรวมกรณีที่ไม่ได้รายงานก็จะทำให้ตัวเลขรวมสูงยิ่งกว่านั้น[194]ตามนักวิชาการคู่หนึ่งในปี 2005 "งานศึกษาระดับชาติหลายงานพบว่า เด็กแอฟริกันอเมริกันและเด็กผิวขาวที่ไม่ใช่คนเชื้อสายสเปน ประสบทารุณกรรมทางเพศในระดับใกล้ ๆ กัน"[195]แต่ว่างานศึกษาอื่นพบว่า ทั้งคนผิวดำ คนเชื้อสายสเปน และคนเชื้อสายลาตินอเมริกา มีโอกาสเสี่ยงตกเป็นเหยื่อมากกว่าคนพวกอื่น[196][197]งานสำรวจปี 1981 พบว่า ประมาณ 20-33% ของหญิงทั้งหมดรายงานประสบการณ์ทางเพศกับผู้ใหญ่ในวัยเด็ก[198]

งานสำรวจปี 1992 ที่ศึกษาการสมสู่ร่วมสายโลหิตระหว่างพ่อ-ลูกสาวในประเทศฟินแลนด์รายงานว่า สำหรับเด็กไฮสกูลอายุ 25 ปีที่ให้คำตอบ ในบรรดาที่อยู่กับพ่อจริง ๆ 0.2% รายงานประสบการณ์ทางเพศกับพ่อ ในบรรดาที่อยู่กับพ่อเลี้ยง 3.7% รายงานประสบการณ์ทางเพศเป็นงานที่นับแต่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูกสาว และไม่ได้รวมเอารูปแบบอื่นของทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กงานสำรวจสรุปว่า "ความรู้สึกของเด็กหญิงเกี่ยวกับประสบการณ์การสมสู่ร่วมสายโลหิต ไม่ดีอย่างท่วมท้น"[199]มีนักวิชาการอื่น ๆ ที่อ้างว่า อัตราความแพร่หลายสูงมากยิ่งกว่านั้น และมีกรณีหลายกรณีที่ไม่มีการแจ้งงานวิจัยหนึ่งพบว่า ผู้มีอาชีพเกี่ยวกับเด็ก ไม่รายงานทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กที่พบในกรณี 40%[200]ส่วนงานอีกงานหนึ่งแสดงว่า เด็กจำนวนมากที่ถูกทารุณกรรมทางเพศ "มีการระบุโดยปัญหาทางกายที่ภายหลังวินิจฉัยว่าเป็นกามโรค...และเพียงแค่ 43% จากที่วินิจฉัยว่าเป็นกามโรค เปิดเผยทารุณกรรมทางเพศในการสอบถามเบื้องต้น"[200]: 7 งานวิทยาการระบาดปี 1993 เกี่ยวกับทารุณกรรมต่อเด็กทางเพศ พบว่า ไม่มีลักษณะทางประชากร (demographic) หรือทางครอบครัวของเด็กที่สามารถใช้เป็นเกณฑ์ระบุว่าเด็กถูกทารุณกรรมทางเพศ[182]

ตามกระทรวงศึกษาสหรัฐ ในโรงเรียนสหรัฐ[201]"นักเรียนเกือบ 9.6% ตกเป็นเหยื่อการละเมิดทางเพศของบุคลากรในโรงเรียนในช่วงวัยเรียน"และนักเรียนชายเป็นเหยื่อในอัตรา 23-44% ของเหยื่อทั้งหมด[201]และการละเมิดทางเพศโดยเพศเดียวกันต่อนักเรียนอยู่ที่ 18-28% ที่รายงาน โดยขึ้นอยู่กับงานศึกษา[202]

การแจ้งทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กชายโดยผู้ทำผิดทั้งชายและหญิงเชื่อว่า ต่ำจากความจริงโดยสำคัญ เนื่องจากปัญหาการเหมารวมเรื่องเหยื่อทางพศ การปฏิเสธความจริงของสังคม การลดความสำคัญของเหยื่อผู้ชาย และงานวิจัยในเรื่องนี้ที่มีน้อย[203]การตกเป็นเหยื่อของแม่หรือญาติผู้หญิงเป็นเรื่องที่ศึกษากันน้อยและมีการแจ้งน้อยแต่ว่า ทารุณกรรมของเด็กหญิงโดยแม่ ญาติหรือคนอื่นที่เป็นหญิง ก็ยังเริ่มจะมีการวิจัยและรายงานแม้ว่าทารุณกรรมของหญิงต่อเด็กหญิงจะเป็นเรื่องต้องห้ามทางสังคมในงานศึกษาที่ถามนักเรียนเรื่องการละเมิดทางเพศ นักเรียนรายงานผู้ทำผิดเพศหญิงในระดับที่สูงกว่าการรายงานของผู้ใหญ่[204]มีการอ้างว่ารายงานที่ต่ำกว่าความจริงเช่นนี้ มีเหตุมาจากการปฏิเสธทางสังคมว่ามีทารุณกรรมทางเพศที่ทำโดยหญิง[205]เพราะว่า "ผู้ชายถูกเลี้ยงให้เชื่อว่าตนควรจะรู้สึกภาคภูมิใจหรือชอบใจความสนใจทางเพศจากผู้หญิง"[128]นักข่าวในเรื่องสิทธิสตรีผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งกล่าวว่า การแจ้งต่ำกว่าความจริง มีส่วนจากการที่ผู้คนรวมทั้งลูกขุน ไม่สามารถมองผู้ชายว่าเป็น "เหยื่อจริง ๆ"[206]

กฎหมายในประเทศต่าง ๆ

ทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กเป็นเรื่องผิดกฎหมายเกือบทุกประเทศในโลก ปกติจะมีโทษหนัก ในบางที่อาจจะเป็นโทษจำขังทั้งชีวิตหรือโทษประหารชีวิต[207][208]การร่วมเพศระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กอายุต่ำกว่าที่ยอมให้ร่วมประเวณีได้อาจจัดว่าเป็นการข่มขืนโดยกฎหมายอาจจัดว่าเป็นการข่มขืนโดยกฎหมาย (statutory rape) ในบางประเทศ[209]โดยมีหลักว่า เด็กไม่สามารถให้ความยินยอมได้ และการยินยอมของเด็กที่ปรากฏไม่จัดว่าเป็นการยินยอมที่มีผลตามกฎหมาย

อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของเด็ก (Convention on the Rights of the Child ตัวย่อ CRC) เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่บังคับให้รัฐปกป้องสิทธิของเด็กมาตรา 34 และ 35 บังคับให้ประเทศต่าง ๆ ป้องกันเด็กจากการฉวยผลประโยชน์ทางเพศและทารุณกรรมทางเพศทุกรูปแบบซึ่งรวมทั้งการบีบบังคับให้เด็กทำกิจกรรมทางเพศ การค้าประเวณีเด็ก และการฉวยผลประโยชน์จากสื่อลามกอนาจารเด็กและบังคับให้รัฐป้องกันการลักพาตัวและการค้าเด็ก[210]โดยเดือนพฤศจิกายน 2008 ประเทศ 193 ประเทศอยู่ใต้สนธิสัญญานี้[211]รวมทั้งสมาชิกทุกประเทศในสหประชาชาติยกเว้นประเทศสหรัฐอเมริกาและเซาท์ซูดาน[212][213]

ส่วนสภายุโรป (Council of Europe) ได้ตกลงใช้ อนุสัญญาการป้องกันเด็กจากการฉวยผลประโยชน์และทารุณกรรมทางเพศ (Council of Europe Convention on the Protection of Children against Sexual Exploitation and Sexual Abuse) เพื่อป้องกันทารุณกรรมที่เกิดในบ้านหรือครอบครัวส่วนในสหภาพยุโรป เรื่องทารุณกรรมตกอยู่ใต้กลุ่มกฎหมายที่เรียกว่า คำสั่งสหภาพยุโรป (Directive)[214]ซึ่งมีกฎหมายเกี่ยวกับรูปแบบทารุณกรรมต่อเด็กทางเพศหลายอย่าง รวมทั้งการฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก (commercial sexual exploitation of children)

ประวัติ

ในประเทศตะวันตก ภายใน 2-3 ทศวรรษที่ผ่าน ๆ มา ทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กได้กลายมาเป็นอาชญากรรมที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างสูงเพราะว่า เริ่มตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1970 ทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กและการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กเริ่มรู้จักกันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ว่ามีผลเสียหายอย่างลึกซึ้งต่อเด็ก และดังนั้นจึงกลายเป็นเรื่องที่สังคมยอมรับไม่ได้โดยทั่วไปแม้ว่าการใช้เด็กสนองอารมณ์ทางเพศโดยผู้ใหญ่จะมีอยู่มาก่อนแล้วตลอดประวัติศาสตร์ แต่ก็เพิ่งกลายมาเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจเมื่อไม่นานมานี้[ต้องการอ้างอิง]

วรรณกรรมต้น ๆ

งานแรกที่อุทิศให้กับเรื่องทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กปรากฏในประเทศฝรั่งเศสในปี 1857 คือ การศึกษาทางการแพทย์-กฎหมายเกี่ยวกับการประทุษร้ายทางเพศ (อังกฤษ: Medical-Legal Studies of Sexual Assault, ฝรั่งเศส: Etude Médico-Légale sur les Attentats aux Mœurs) โดยนายแพทย์ชาวฝรั่งเศสและผู้บุกเบิกนิติเวชศาสตร์[215]

คดีแพ่งในประเทศต่าง ๆ

ในสหรัฐอเมริกา ความตระหนักเรื่องปัญหานี้ในสังคมได้จุดชนวนการฟ้องคดีในศาลเรียกร้องค่าเสียหายโดยเหยื่อคือ ความเข้าใจในสังคมเป็นกำลังใจให้เหยื่อกล้าเผชิญหน้าในเรื่องนี้ แทนที่จะเก็บไว้เป็นความลับเหมือนสมัยก่อนมีบางรัฐที่ได้ออกกฎหมายโดยเฉพาะเพื่อยืดกำหนดอายุความออกไป เพื่อให้เหยื่อมีสิทธิฟ้องศาลได้บางครั้งเป็นเวลาหลายปีหลังจากบรรลุนิติภาวะแล้วการฟ้องศาลสามารถทำได้ในกรณีที่บุคคลหรือองค์กร เช่น โรงเรียน องค์กรศาสนา องค์กรเยาวชน ที่มีหน้าที่ดูแลเด็กแต่ละเลยหน้าที่จนมีผลเป็นทารุณกรรมต่อเด็กในกรณีเรื่องทารุณกรรมของเด็กโดยบุคลากรในกลุ่มโรมันคาทอลิก เขตมิสซังต่าง ๆ ในสหรัฐได้จ่ายค่าเสียหายไปแล้วประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 35,470 ล้านบาทต้นปี 2559) เพื่อยุติคดีเป็นร้อย ๆ ตั้งแต่ต้นคริสต์ทษศวรรษ 1990และก็ยังมีคดีฟ้องศาลต่อกลุ่มคริสต์ศาสนิกชนขวาจัดอีกด้วยที่มีทารุณกรรมที่ไม่ได้แจ้งความ และเหยื่อถูกกดดันให้เก็บเป็นความลับ[216]

แต่ว่า การฟ้องคดีในศาลต้องผ่านอะไรหลาย ๆ อย่าง ดังนั้น จึงมีความเป็นห่วงว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ที่เป็นโจทก์ จะเหมือนกับตกเป็นเหยื่ออีกผ่านกระบวนการในศาล เหมือนกับที่เหยื่อกรณีข่มขืนอาจจะประสบทนายเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ได้กล่าวว่า เด็กที่ต้องเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะที่ถูกทารุณกรรมหรือทำร้ายทางเพศ (molestation) ควรจะมีระเบียบการที่ช่วยป้องกันจากการถูกก่อกวนในกระบวนการศาล[217]

ในเดือนมิถุนายน 2008 ศาลสูงสุดของประเทศแซมเบียได้ตัดสินคดีสำคัญเกี่ยวกับทารุณกรรมต่อเด็กโดยครู คือศาลได้ปรับค่าเสียหายมูลค่า 45 ล้านความชาแซมเบีย (ประมาณ 315,000 บาทต้นปี 2559) ให้กับโจทก์ซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 13 ที่ถูกทารุณกรรมและข่มขืนโดยครูโดยปรับครูในฐานะ "คนมีอำนาจ" ที่ศาลกล่าวไว้ว่า "มีความรับผิดชอบทางจริยธรรมต่อเด็กนักเรียน"[218]

ในรายงานปี 2000 ขององค์การอนามัยโลก "รายงานโลกเรื่องความรุนแรงและสุขภาพ (บทที่ 6 - ความรุนแรงทางเพศ)" กล่าวว่า "สิ่งที่ทำในโรงเรียนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงแบบอื่น ๆคือในหลาย ๆ ประเทศ ความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างครูกับเด็กไม่จัดเป็นเรื่องร้ายแรง และนโยบายจัดการเรื่องการก่อกวนทางเพศในโรงเรียนก็ไม่มีหรือไม่บังคับใช้แต่ว่าในปีที่เพิ่งผ่าน ๆ มา บางประเทศก็เริ่มออกฎหมายห้ามเพศสัมพันธ์ระหว่างครูกับเด็กซึ่งสามารถช่วยลดการก่อกวนทางเพศได้ในโรงเรียนแต่ว่า นโยบายกว้าง ๆ อย่างอื่นก็ยังจำเป็น เช่น การปรับปรุงการฝึกครูและการจัดหาครู การปรับปรุงหลักสูตร เพื่อที่จะเปลี่ย น(ค่านิยม)ความสัมพันธ์ระหว่างเพศในโรงเรียน"[219]

ในเดือนมีนาคม 2011 ตำรวจยุโรปยุโรโพล ได้ปฏิบัติการชื่อว่า Operation Rescue (ปฏิบัติการช่วยชีวิต) โดยจับสมาชิกกลุ่มใคร่เด็กออนไลน์ 184 คนจาก 670 คนที่ระบุ และช่วยชีวิตเด็ก 230 คน เป็นการจับกุมใหญ่ที่สุดที่เคยทำในเรื่องนี้[220]

ในปี 2010 ชายเชื้อสายปากีสถาน 5 คนในสหราชอาณาจักรถูกตัดสินว่าผิดข้อหาละเมิดทางเพศซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปี 1997-2013 ในเมืองร็อตเธอร์แฮม เรื่องนี้เป็นเรื่องอื้อฉาวเนื่องจากระยะเวลาดำเนินความผิดที่ยาวนาน และความล้มเหลวหลายครั้งหลายหนของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ[221]

ดูเพิ่ม

เชิงอรรถและอ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หน้าหลักองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีพิเศษ:ค้นหาดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)กรงกรรมอสมทลิซ่า (แร็ปเปอร์)จีรนันท์ มะโนแจ่มสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดธี่หยดฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2024เฟซบุ๊กสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประเทศไทยเอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2024วิทยุเสียงอเมริกาสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรักวุ่น วัยรุ่นแสบวันไหลนริลญา กุลมงคลเพชรสโมสรฟุตบอลเชลซีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลานม่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกกรุงเทพมหานครสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคิม ซู-ฮย็อนภาวะโลกร้อนสาธุ (ละครโทรทัศน์)รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง